สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ สายงานธุรกิจ ยกระดับประเทศไทย ขึ้นแท่นศูนย์กลางการแสดงสินค้านานาชาติแห่งอาเซียน แรงหนุนนโยบาย 4.0 และ EEC ปีนี้จัดเต็มงานใหม่ 17 งานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เจาะ 10 หมวดอุตสาหกรรมหลัก ใช้กลยุทธ์รอบด้านดึงผู้ออกงานและ trade visitor จากต่างประเทศเจรจาซื้อขายในงานที่ไทย สนับสนุนความร่วมมือผู้จัดงานทั้งในและต่างประเทศเพื่อดึงงานใหม่เข้าประเทศ
นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการ ทีเส็บ สายงานธุรกิจ กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นโลกเเห่งการค้าไร้พรมเเดน ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการแสดงสินค้านานาชาติของภูมิภาคอาเซียน ด้วยเเรงสนับสนุนสร้างโอกาสธุรกิจจากนโยบาย 4.0 เเละการผลักดันเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เจาะ 10 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเขตการลงทุนที่มีมูลค่าการพัฒนาและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
โดยในรอบปี 2561-2562 มีงานแสดงสินค้านานาชาติใน 10 หมวด อุตสาหกรรมหลักของนโยบาย 4.0 ที่ทีเส็บดึงเข้ามาหรือสนับสนุน อาทิ งาน CEBIT ASEAN Thailand (digital) งาน Medical Devices ASEAN (integrated medical services) ซึ่งทั้งสองงานนี้จะจัดต่อเนื่องเป็นปีที่สองในปีนี้ งาน Future Energy Asia (biofuels & biochemical) รวมถึงงานแสดงนวัตกรรมรองรับอุตสาหกรรมการผลิตอย่าง Propak Asia (food processing) เเละ INTERMACH and MTA (automation and robotics) เป็นต้น
“ในปี 2560 จำนวน Trade Visitor จากกลุ่มประเทศ CLMV ทำสถิติเติบโตสูงถึงร้อยละ 126 เเละจากกลุ่มประเทศอาเซียนก็มีการเติบโตถึง ร้อยละ 40 โดย Trade visitor ของอาเซียนเหล่านี้ติดกลุ่มท็อป 10 ในงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย นอกจากนี้ประเทศไทยยังมี Exhibition hall ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Thailand MICE Venue Standard 10 แห่ง ตั้งกระจายไปทั่วประเทศทั้งในกรุงเทพ เชียงใหม่ พัทยา ขอนแก่นเเละหาดใหญ่ เเละมีงานจัดเเสดงสินค้ากว่า 22 งานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก UFI สูงสุดในอาเซียน” นางนิชาภากล่าว
สำหรับงานแสดงสินค้านานาชาติขนาดใหญ่ที่ทีเส็บให้การสนับสนุนในปี 2562 นั้นหลายงานมีความสำคัญต่อการเติบโตและการพัฒนาของทั้งอุตสาหกรรมไมซ์และอุตสาหกรรมหลักต่อยอดตามนโยบาย 4.0 ของรัฐบาล เช่นงาน Propak Asia 2019 งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิตแปรรูปและบรรจุภัณฑ์นานาชาติ และงาน INTERMACH 2019 งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีเครื่องจักรโลหะและอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมชั้นนำของอาเซียน ตลอดจนงานแสดงสินค้า การเกษตรอาหารและยา ด้านพลังงานเเละเทคโนโลยีใหม่ที่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเเสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน
รองผู้อำนวยการทีเส็บ กล่าวต่อว่า ทีเส็บยังคงมุ่งมั่นผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ในปีงบประมาณ 2562 จะมีงานแสดงสินค้านานาชาติ 17 งานใหม่ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยจะเป็นงานใน 10 หมวดอุตสาหกรรมหลักโดยตรงเกินครึ่ง ทั้งในส่วน Smart Devices, Digital, Energy, Food, Logistics เเละ Health รวมถึงงานที่กำลังอยู่ในกระบวนการที่ทีเส็บให้การสนับสนุนจำนวน 22 งาน อาทิ งานด้าน Digital 3 งาน อุตสาหกรรมอาหาร 2 งาน โลจิสติกส์ 2 งาน สมาร์ทดีไวซ์ 2 งาน การแพทย์ 1 งาน และพลังงาน 2 งาน
สำหรับมาตรการส่งเสริมของทีเส็บนั้นจะให้การสนับสนุนด้านต่างๆ อย่างรอบด้าน เช่น การดึงงานใหม่ โดยการสนับสนุนความร่วมมือผู้จัดงานไทยและต่างประเทศเพื่อดึงงานใหม่มาจัดในประเทศไทย เช่น การร่วมมือระหว่าง Expolink Global Network ผู้จัดงานของไทยและผู้จัดงานจากเยอรมนีคือ Euroexpo และ Messe Stuttgart เพื่อจัดงาน “LogiMAT – Intelligent Warehouse” ในวันที่ 13-15 พฤษภาคม 2563
พร้อมทั้งส่งเสริมงานจากต่างประเทศที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานเจาะตลาดอาเซียน (ASEAN Edition) อาทิ CEBIT ASEAN Thailand (Digital) จากเยอรมนี Infocomm Southeast Asia (Smart Devices) จากสิงคโปร์ ANDTEX (non-woven material for manufacturing industry) จากสหรัฐอเมริกาเเละ SILMO (Optical) จากฝรั่งเศส
นอกจากนี้ ทีเส็บยังให้ความสำคัญกับแคมเปญ Exhibiz in Market สำหรับกลุ่มผู้เเสดงสินค้า โดยการสนับสนุนองค์กรหรือสมาคมธุรกิจในต่างประเทศให้มาตั้ง National Pavilion ในประเทศไทย และได้ให้การสนับสนุนแล้ว 6 ประเทศใน 7 งานคือจีน งาน CEBIT ASEAN Thailand งาน LED Expo และงาน METALEX เกาหลี งาน Propak Asia งาน SILMO Bangkok และงาน Medical Devices ASEAN สิงคโปร์ งาน Infocomm Southeast Asia มาเลเซีย งาน CEBIT ASEAN Thailand ไต้หวัน งาน Propak Asia และงาน Medical Devices ASEAN และสหราชอาณาจักร งาน Propak Asia
รวมถึงแคมเปญ ASEAN+6 Privilege เจาะกลุ่มผู้มาเยี่ยมงานหรือมาเจรจาจัดซื้อในงาน โดยการสนับสนุนองค์กรหรือสมาคมธุรกิจในต่างประเทศหรือ business mission organisers ให้นำ trade visitor จากประเทศของตนมาเจรจาซื้อขายในงานที่ประเทศไทย โดยที่ผ่านมามี Trade visitor จากเวียดนามกว่า 250 ราย จะเดินทางมาเข้าร่วมเจรจาซื้อขายในงานอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร ก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน สุขภาพ ธุรกิจการค้าปลีก ไลฟ์สไตล์ และธุรกิจยานยนต์ เเละ Trade visitor จากเมียนมา 70 ราย เข้าร่วมเจรจาซื้อขายในงานด้านการแพทย์และเภสัชกรรม การแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหาร ธุรกิจการค้าปลีก โลจิสติกส์ กีฬา และการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ทางสมาคมธุรกิจการแสดงสินค้าระดับโลก UFI ได้เลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่ประจำปี UFI Global Congress 2019 ครั้งที่ 86 ในวันที่ 6-9 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งจะเป็นเวทีแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ไทยบนเวทีโลก โดยจะเป็นการประชุมเครือข่ายระหว่างประเทศด้านอุตสาหกรรมเเละการจัดเเสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้ และจะมีการเเลกเปลี่ยนกลยุทธ์เชิงลึกเกี่ยวกับเเนวโน้มของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ คาดจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 400 คน