การแพทย์ทางเลือกเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่ในปัจจุบันได้รับความสนใจไม่น้อยในการดูแลรักษาสุขภาพ เช่นเดียวกับ พาฝัน-นางสาวธนพร สุพบุตร์ นายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต ประจำปี 2567 ที่มีความชอบทางด้านสายสุขภาพมาโดยตลอด จึงตัดสินใจเข้าเรียนสาขาวิชาการแพทย์แผนจีน ที่วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
พาฝัน พูดถึงเหตุผลในการตัดสินใจเลือกเรียนทางด้านนี้ว่า เริ่มตั้งแต่ช่วงที่เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ยังไม่เจอคณะที่ชอบ จึงพยายามหาข้อมูลในมหาวิทยาลัยต่างๆ ว่าคณะนี้มีอะไรบ้างที่เกี่ยวกับสายสุขภาพ จนมาเจอวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกม.รังสิต ซึ่งมีเปิดสอนสาขาแพทย์แผนจีนจึงหารายละเอียดเพิ่มเติม และตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่ พอเริ่มเข้ามาเรียนก็รู้สึกว่าเป็นหลักสูตรที่ตอบโจทย์ ตรงใจตัวเองมาก
“โดยส่วนตัวชอบแพทย์แผนจีนเพราะเป็นการแพทย์ทางเลือกหนึ่ง สำหรับคนที่ใช้การรักษาทางวิทยาศาสตร์แล้วรู้สึกว่ามันยังไม่ตรงโจทย์ แล้วมารักษาแบบแพทย์แผนพื้นบ้าน ซึ่งแพทย์แผนจีนที่ใช้สมุนไพรรักษาก็เป็นทางเลือกหนึ่งให้กับคนที่เข้ามารักษา ตามหลักสูตรการแพทย์แผนจีนที่เรียนตอนนี้คือ ปี 1 ต้องไปจีน เพื่อไปเรียนปรับภาษาที่จีน ถ้าเรียนภาษาจีนที่นั่นแล้วสอบ HSK ได้เรียนกับเจ้าของภาษาเองจะได้มากกว่าอยู่ที่เมืองไทย ได้อยู่กับสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาจีนก็จะช่วยพัฒนามากขึ้น ปี 2-4 กลับมาเรียนที่เมืองไทยเพื่อเก็บหลักสูตรที่เรียนเกี่ยวกับแพทย์จีน ปี 5 ไปเรียนที่เมืองจีนต่อ ช่วงปี 6 เทอม 1 ยังอยู่ที่จีน ปี 6 เทอม 2 กลับมาเรียนที่เมืองไทยและมาฝึกงานต่อค่ะ” พาฝัน กล่าว
สำหรับวิชาที่ชอบ จะเป็นวิชาการตรวจวินิจฉัย รู้สึกว่าการที่ได้รู้เกี่ยวกับลักษณะร่างกายของคนว่าถ้าเขาแสดงออกแบบนี้จะเป็นโรคอะไรได้บ้าง เป็นอะไรที่ค่อนข้างตื่นเต้นและมหัศจรรย์มาก มีความยากง่ายต่างกันมาก แต่ก็เป็นวิชาที่เราชอบจริงๆ
นอกเหนือจากการเรียนแล้ว พาฝันยังเป็นนักกิจกรรม ที่มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมหลายอย่างของคณะและมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมสันทนาการ รับน้อง พิธีรับมอบเสื้อกาวน์ หัวหน้าเชียร์ลีดเดอร์ เป็นต้น จนกระทั่งล่าสุดได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสโมสรนักศึกษา ประจำปีการศึกษา 2567 จึงต้องบริหารจัดการทั้งเรื่องเรียนและกิจกรรมไปพร้อมๆ กัน
“เราต้องทำกิจกรรมควบคู่กับการเรียนให้ได้ ทำกิจกรรมเยอะก็ต้องเรียนให้เยอะเหมือนกัน ช่วงแรกที่ทำงานสโมสรนักศึกษาคือ เรียนก็เสีย งานก็เสีย จนกระทั่งมาจุดหนึ่งเริ่มคิดได้ว่าควรจัดการเวลาตัวเองดีๆ พอเริ่มจัดการเวลาตัวเองได้ก็รู้สึกว่าการเรียนก็เข้าทาง งานก็เข้าทาง ถ้าวันไหนมีเรียนตรงกับงานจริงๆ ก็ขอลางานเพื่อมาเรียนก่อน รู้สึกว่าบริบทที่มหาวิทยาลัยของเราคือ นักศึกษาที่ควรเอาเรียนเป็นหลักมาก่อนการงาน งานก็เหมือนเป็นงานเสริม ทำเพื่อให้เป็นสิ่งที่ชอบพอถึงเวลาที่มีเรียนควรเอาเรียนมาก่อนเพราะเราเป็นนักศึกษา พอทุกอย่างเริ่มลงตัวมากขึ้นวันไหนไม่มีเรียนก็ไปทำงาน วันไหนมีเรียนก็ไปเรียน”
พาฝัน ยังได้พูดถึงเป้าหมายหลังเรียนจบไว้ด้วยว่า อยากเรียนต่อเฉพาะทาง และทำงานโรงพยาบาล ถ้าทำแล้วดีหรือว่าถึงจุดอิ่มตัวกับการทำงานโรงพยาบาลแล้ว อาจจะออกมาเปิดคลินิกของตัวเอง หรือไปเป็นอาจารย์
“สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังจะเข้ามาเรียนแพทย์แผนจีนที่ม.รังสิต ไม่ว่าจะจบสายศิลป์หรือสายวิทย์ก็สามารถเรียนได้หมดค่ะ หากไม่มีพื้นฐานภาษาจีนเราก็มีสอนภาษาจีนตั้งแต่เริ่มต้นให้ ถ้าสนใจแล้วรู้สึกว่าแพทย์ทางเลือกเป็นทางออกที่ชอบหรือว่าหลงไหลในแพทย์แผนจีนก็เข้ามาศึกษาดู เพราะว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่น้องๆ หลายคนก็มองเผื่อไว้ ซึ่งอยากให้เข้ามาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วจะชอบเหมือนฝันแน่อน”
สุดท้ายพาฝันฝากถึงคำคมประจำตัวไว้ด้วยว่า “ถ้าคิดจะสู้อย่ากลัวความพ่ายแพ้ หรือต่อให้ทุกคนบนโลกบอกว่าจะแพ้ก็ต้องพุ่งชนเพราะสุดท้ายแม้แต่พระเจ้าก็ไม่อาจบอกได้ว่าผู้ชนะที่แท้จริงคือใคร” ซึ่งไปอ่านนวนิยายเรื่องหนึ่งแล้วรู้สึกว่าเป็นคำคมที่ชอบมาก อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ดี และเป็นแรงผลักดันให้เราได้