โดย รองศาสตราจารย์ ดร. มนพร ชาติชำนิ
รองผู้อำนวยการสำนักงานสวัสดิการสุขภาพ มหาวิทยาลัยรังสิต และ
หัวหน้าหน่วยบริการวิชาการ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ในยุคที่ประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การดูแลผู้สูงอายุจึงกลายเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญของครอบครัวและผู้ดูแลทั่วไป ทว่าการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เพียงเรื่องของการจัดการด้านร่างกายเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต การพัฒนาความเป็นอยู่ และความสามารถในการส่งเสริมสุขภาพของสังคมทั้งหมดได้อีกด้วย
การสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของผู้ดูแลไม่เพียงแต่เป็นการดูแลรายบุคคล แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าให้กับสังคมในวงกว้าง ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ถือเป็น “ผู้นำทางสุขภาพ” ที่มีความสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตแก่สังคม นอกจากจะดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุโดยตรงแล้ว ผู้ดูแลยังมีส่วนในการส่งเสริมและนำเสนอแนวทางการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องให้กับชุมชน
การมีผู้ดูแลที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งด้านการพยาบาลเบื้องต้นและการให้ความรู้เกี่ยวกับโภชนาการ การใช้ยา และการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม ช่วยให้การดูแลผู้สูงอายุมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคหรืออาการเจ็บป่วยในผู้สูงอายุ
การเชื่อมโยงความรู้สู่สังคม บทบาทของผู้ดูแลไม่ได้จำกัดอยู่ที่การดูแลในบ้านเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อการสร้างการรับรู้ในชุมชนด้วย การนำประสบการณ์จากการดูแลผู้สูงอายุมาถ่ายทอดให้กับคนในชุมชน การจัดอบรมหรือกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ เช่น การล้างมือที่ถูกต้อง การออกกำลังกาย หรือการดูแลผู้สูงอายุในภาวะฉุกเฉิน ล้วนแล้วแต่เป็นแนวทางที่ผู้ดูแลสามารถมีส่วนร่วมในการชี้นำสังคมสู่การมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นได้
การส่งเสริมบทบาทของผู้ดูแลให้กลายเป็น “ผู้ชี้นำสังคม” จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ทำให้สังคมสามารถเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยในการพัฒนาผู้ดูแล เพื่อให้บทบาทนี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องมีการพัฒนาทักษะและความรู้ของผู้ดูแล การอบรมและเสริมสร้างความรู้เฉพาะทางเป็นสิ่งที่ควรได้รับการสนับสนุน เช่น การให้คำแนะนำด้านโภชนาการที่ถูกต้องสำหรับผู้สูงอายุ การจัดการด้านสุขภาพจิต และการเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น การเตรียมตัวในด้านเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ดูแลสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง และยังสร้างความมั่นใจให้กับสังคมโดยรวมอีกด้วย
สังคมที่แข็งแรง เริ่มต้นที่การดูแลผู้สูงอายุ ในท้ายที่สุด การดูแลผู้สูงอายุที่ดีและมีประสิทธิภาพไม่ได้เกิดขึ้นจากความพยายามของผู้ดูแลเพียงคนเดียว แต่ต้องมีการสนับสนุนจากทั้งครอบครัว ชุมชน และสังคมในภาพรวม การสร้างนโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะของผู้ดูแล การให้การสนับสนุนด้านจิตใจและสังคม ตลอดจนการจัดการทรัพยากรด้านสุขภาพที่เพียงพอ จะช่วยให้การดูแลผู้สูงอายุในสังคมกลายเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสุขภาพที่ยั่งยืนได้
สังคมที่ใส่ใจและตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุ จะเป็นสังคมที่แข็งแรงและพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายของการสูงวัยอย่างเต็มที่