ปลูกฝังวินัยจราจร สร้างภูมิคุ้มกันเด็กปลอดภัย

เจ้าหน้าที่โครงการอารักข์เล่นบทบาทสมมติเป็นคุณตำรวจมาแนะนำกิจกรรมสถานการณ์จำลองให้เด็ก ๆ โรงเรียนตระเวนชายแดนปิล็อกคี่

โครงการพัฒนาจิตสำนึกเพื่อรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยงของสังคม อุบัติเหตุทางถนนและการพนัน (โครงการอารักข์) ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) มุ่งหวังที่จะสร้างจิตสำนึกต่อภัยจากปัจจัยเสี่ยงจากการใช้ถนนและภัยการพนันให้กับเด็กตั้งแต่วัยอนุบาล ทั้งในด้านทัศนคติ ความคิด ความรู้และทักษะ เพื่อให้พวกเขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพเป็นส่วนสำคัญที่จะมาขับเคลื่อนสังคมให้ปลอดภัย

เด็ก ๆ ได้เล่นเป็นคุณตำรวจตัวน้อย เรียนรู้การให้สัญญาณมือ และสัญญาณนกหวีดเพื่อกำกับจราจร

เมื่อวันที่พุธที่ 13 สิงหาคม 2563 ดร.อัญญมณี บุญซื่อ หัวหน้าโครงการพัฒนาจิตสํานึกเพื่อรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยงทางสังคม อุบัติเหตุทางถนนและการพนัน (โครงการอารักข์) และที่ปรึกษาของโครงการฯ  Mr. Tomoaki Goto ประธานบริษัท Exedy Engineering Asia,Co,Ltd พร้อมทั้งทีมงาน ร่วมกับกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำตัวอย่างสื่อกิจกรรมที่เน้นในเรื่องอุบัติเหตุทางถนน โดยใช้การสอนผ่าน “การเล่นสมมติในสถานการณ์จำลอง” เพื่อวางรากฐานให้เด็กคำนึงถึงกติกาของสังคมโดยใช้หลักเหตุและผล ให้เด็กเข้าใจความหมายของ “ความเสี่ยง” หรือ “อันตราย” ควบคู่ไปกับการฝึกนิสัยระมัดระวัง ไม่ประมาท เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุต่อตนเอง และผู้อื่นในสังคม มาใช้กับเด็ก ๆ และคุณครูที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปิล๊อกคี่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 45 โรงเรียนในสังกัดกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1

ในการข้ามถนนให้ปลอดภัยเด็ก ๆ ควรยกมือขึ้นสูงเหนือศีรษะเพื่อให้ผุ้ขับขี่สามารถเห็นได้ในระยะไกล

   เป้าหมายสำคัญของเด็กในกิจกรรม “สถานการณ์จำลอง” เป็นการฝึกสติให้เด็กรู้จักระมัดระวัง ไม่ประมาท สามารถคิด ตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผลเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยใช้ทักษะการสังเกต สำรวจ  เปรียบเทียบ วิเคราะห์ และ ตีความหมายผ่านการเล่นบทบาทสมมติในอาชีพต่าง ๆ  ได้แก่ ตำรวจ หน่วยกู้ภัย คนเดินถนน และคนขับขี่

เมื่อเกิดอุบัติเหตุหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แก้ผู้ได้รับบาดเจ็บ

ขณะที่เด็กเล่นบทบาทสมมติเป็น “ตำรวจ” เด็กได้เรียนรู้เรื่องสัญญาณไฟจราจร  สัญญาณมือ การใช้นกหวีดเพื่อกำกับการจราจรให้เกิดการคล่องตัวและปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่และคนเดินถนน ส่วนบทบาทของ”คนขับขี่”จะต้องเรียนรู้การใส่หมวกกันน็อกให้ถูกวิธี  สร้างนิสัยความรอบคอบไม่ประมาทด้วยการตรวจสภาพรถให้พร้อมใช้งาน เช่น ตรวจยางลมล้อ ที่นั่ง แฮนด์ เบรกและกระดิ่งก่อนขับขี่ทุกครั้ง และต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ส่วนบทบาทของ “หน่วยกู้ภัย” จะฝึกการเป็น “ผู้ให้” เรียนรู้ขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ ได้แก่ ตรวจดูว่าผู้ป่วยมีสติหรือไม่ สอบถามอาการบาดเจ็บการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การพูดปลอบโยนและให้กำลังใจ รวมถึงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่ และการโทร 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ สำหรับบทบาท “คนเดินถนน” เรียนรู้เรื่องการข้ามถนนให้ปลอดภัยโดยใช้ทักษะ หยุด ยก ดู ฟัง คิด แล้วให้เด็กยกมือขึ้นสูงเพื่อให้คนขับรถสามารถสังเกตเห็นได้ในระยะไกล อีกทั้งยังเน้นให้เด็กเห็นถึงความเสี่ยงจากการเดินบนถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ หรือเมื่อเกิดสภาพอากาศแปรปรวน เช่น ฝนตก ลมแรง รวมถึงการรู้วิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งเป็นการปรับการใช้สื่อการสอนให้เข้ากับบริบทของโรงเรียน

หลังจากทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว หน่วยกู้ภัยช่วยกันพยุงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่เกิดเหตุ

นอกเหนือจากความสนุกสนานที่เด็ก ๆ ได้รับ เด็ก ๆ ยังได้ฝึกกระบวนการคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking) ซึ่งเป็นการฝึกการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ร่วมกับการใช้ Executive Function การกำกับตนเองให้จดจ่อ มีสมาธิ เพื่อฝึกสติให้เด็กคิด ตัดสินใจ ตั้งเป้าหมาย สามารถวางแผนเป็นระบบ และยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ต่าง ๆ ได้

การตรวจเช็กสภาพรถ เช่น เบาะที่นั่ง แฮนด์บังคับ เบรก ล้อ และกระดิ่งให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพื่อให้เกืดความปลอดภัยในการขับขี่

               คุณครูผู้เข้าร่วมกิจกรรมให้ความเห็นว่า “กิจกรรมสนุกและเด็ก ๆ และนับได้ว่าทุกกิจกรรมเป็นสิ่งใหม่สำหรับเด็กในเรื่องการใช้ถนน นอกจากนี้เด็ก ๆ ส่วนใหญ่มาโรงเรียนด้วยการเดิน ซึ่งเป็นพื้นที่ถนนขรุขระ และลื่น เนื่องจากที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปิล๊อกคี่มีฝนตกแทบทุกวันในหน้าฝน  ทางโครงการจึงร่วมกันกับคณะครูปรับเนื้อหากิจกรรมให้สอดคล้องกับบริบทความเป็นอยู่ของเด็ก เช่น การใช้ร่มขณะเดิน การหลบรถชิดทางซ้ายและหยุดให้รถไปก่อนจะเดินต่อ ที่ต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ ซึ่งทางคณะครูจะลองนำกิจกรรมไปปรับใช้ให้เหมาะกับบริบทและพื้นฐานประสบการณ์และความรู้ของเด็กต่อไป”

เด็ก ๆ เรียนรู้เรื่องความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อกและรัดสายรัดใต้คางทุกครั้งก่อนการขับขี่เพื่อให้ตนเองปลอดภัย

หลังจากจบกิจกรรมทางโครงการได้มอบถุงอุปกรณ์การเรียนและเครื่องใช้ ให้กับเด็กๆ ที่ร่วมโครงการ และของที่ระลึกสำหรับคณะครูที่ร่วมโครงการ ร่วมกับ Mr. Tomoaki Goto ที่ได้มอบมอบทุนการศึกษาสำหรับเด็กๆ ที่ร่วมโครงการ และในตอนท้ายของวัน ทางโครงการฯได้นำขนมและไอศกรีมมาร่วมรับประทานกับเด็ก ๆ ทั้งโรงเรียน และรวมทั้งมอบสื่อการสอนให้คุณครูสามารถนำไปขยายผลกิจกรรม  เพื่อร่วมสร้างคุณภาพชีวิตที่ปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยงของสังคมต่อไป

หัวหน้าโครงการอารักข์มอบของที่ระลึกให้แก่ พตต.สุธีระ สุดแสวง ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจชายแดนบ้านปิล๊อกคี่ จ.กาญจนบุรี
โครงการอารักข์ได้มอบถุงอุปกรณ์การเรียนและเครื่องใช้ ให้กับเด็กๆ และของที่ระลึกสำหรับคณะครูที่ร่วมโครงการ ร่วมกับ Mr. Tomoaki Goto ที่ได้มอบมอบทุนการศึกษาสำหรับเด็กๆ ที่ร่วมโครงการ
คณะครูและนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการร่วมกันถ่ายภาพกับเจ้าหน้าที่โครงการอารักข์และที่ปรึกษาของโครงการฯ Mr.Tomoaki Goto

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published.