
สสว. จับมือ มทร.ธัญบุรี มรภ.สวนสุนันทา ม.เชียงใหม่ ม.ธรรมศาสตร์ และ ISMED แถลงผลการดำเนินงานโครงการ SME ONLINE ปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด Digital to Global มีผู้เข้าอบรมติดอาวุธทางธุรกิจออนไลน์กว่า 52,000 ราย สร้างยอดขายกว่า 325 ล้านบาท ถอดรหัสลับไขความสำเร็จเพิ่มยอดขาย ลั่นยกระดับศักยภาพ SME ไทย พร้อมลุยตลาดออนไลน์ทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาค

ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังการแถลงผลสำเร็จโครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ SME ปีงบประมาณ 2562 ว่า สสว. ร่วมกับ 5 หน่วยงาน อบรมผู้ประกอบการทั่วประเทศ โดยมีพื้นที่รับผิดชอบคือ มทร.ธัญบุรี รับผิดชอบพื้นที่ภาคกลางและตะวันตก, มรภ.สวนสุนันทา รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก, ม.เชียงใหม่ รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือตอนบน, สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ และ ม.ธรรมศาสตร์ รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างรวมทั้งยังได้บูรณาการความร่วมมือกับ e-Marketplace อีก 14 แห่ง มอบสิทธิพิเศษให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ Lazada, Shopee, Thailandmall, Far-e, Kha-leang.com, Inwmall, Tarad.com, PCHome, Beautynista, Pinsouq, shopseason, Priceza, Wongnai และ Hungryhub

“โครงการ SME ONLINE ปี 2562 จัดติดต่อกันมาเป็นปีที่ 3 โดยยอดรวมตั้งแต่เริ่มโครงการปีที่ 1 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการจากทั่วประเทศกว่า 176,000 ราย สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ได้กว่า 30,000 ร้านค้า และสร้างยอดขายได้มากกว่า 725 ล้านบาท มีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาและขึ้นจำหน่ายออนไลน์แล้วกว่า 375,000 ผลิตภัณฑ์ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการ 5 อันดับแรกได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, กลุ่มเสื้อผ้าและรองเท้าสตรี, กลุ่มสินค้าของใช้ในบ้าน สินค้าตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์ในครัวเรือน, กลุ่มสินค้าความงามและสุขภาพ และกลุ่มสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ” ผอ.สสว. ระบุ

ในการดำเนินโครงการ ฯ สสว. และ 5 หน่วยร่วม เปิดการอบรมให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริม และพัฒนาผู้ประกอบการ โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ในทุกมิติทั้งแบบ Online, Offline และ Workshop ฝึกปฏิบัติจริง แบ่งผู้ประกอบการได้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ประกอบการที่กำลังเข้าสู่การทำธุรกิจออนไลน์ กลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าสู่ธุรกิจออนไลน์แล้วและพัฒนาศักยภาพให้มั่นคงยิ่งขึ้น และกลุ่มผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูงสุดในทุกด้านพร้อมแข่งขันในตลาดระดับนานาชาติ

นอกจากนี้ สสว.ได้นำประสบการณ์จากการดำเนินโครงการตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มารวบรวมและถอดรหัสความสำเร็จของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมอบรมออกมาเป็น 5 Key Success Factor ผู้ประกอบการ SME เตรียมความพร้อมก่อนนำธุรกิจเข้าสู่โลกออนไลน์ ได้แก่
BMC (Business Model Canvas) การวางพื้นฐานทางธุรกิจที่ดี เป็นสิ่งจำเป็น เครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจและทำให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ และมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น
Product Development การพัฒนาสินค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
Content Marketing / Story Telling การเล่าเรื่องราวของสินค้าและแบรนด์ มาเป็นจุดขายในการทำการตลาด ในยุคของการแข่งกันสร้างเนื้อหา
Operation & Service หนึ่งในช่องทางการขายที่สำคัญก็คือ e-market place ที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของผู้ประกอบการ ที่จะทำให้สร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
Digital to Global เมื่อผู้ประกอบการ ประสบความสำเร็จจาก e-market place ในประเทศได้แล้ว ประตูสู่การขายสินค้าไปต่างประเทศ ผ่านช่องทาง e-marketplace ในต่างประเทศ ก็จะเปิดกว้างขึ้น เป็นโอกาสที่ทำให้ผู้ประกอบการ เข้าสู่ตลาดระดับโลกต่อไป

“ในปีนี้เราประสบความสำเร็จกับเป้าหมาย Digital to Global ที่วางไว้ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและพร้อมเข้าสู่ตลาดระดับนานาชาติ เตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการในทุก ๆ ด้าน ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญ เปิดประสบการณ์แบบ Shortcut ทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้บางส่วนสามารถเปิดตลาดออนไลน์และส่งออกไปยัง จีน, อินโดนีเซีย, ลาว, กัมพูชา, ไต้หวัน, บาเรนห์, ดูไบ, สหรัฐอเมริกา เป็นต้น โดยในระยะเวลา 3 เดือนที่สร้างยอดขายได้กว่า 325 ล้านบาทแล้ว ถือเป็นการยกระดับผู้ประกอบการ SME ให้มีความรู้ความเข้าใจที่นำไปปฏิบัติได้จริง และสามารถแข่งขันในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน” นายสุวรรณชัย กล่าวสรุป
สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่สนใจเข้าร่วมโครงการในปี 2563 สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.smeonline.info / Facebook: SMEONLINE BY OSMEP และแอปพลิเคชั่น SME CONNEXT