ไฮไชน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกมากว่า 20 ปี พร้อมรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ เจาะกลุ่มแนวรถไฟฟ้าเพื่อสะดวกกับการเดินทาง ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในสไตล์ Luxurious Modern ทุกโครงการมีความโดดเด่นในรูปแบบทำเลที่ตั้งของแต่ละโครงการที่บริษัทฯพัฒนาทั้งหมด มีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าถึง ตั้งเป้าเติบโตขึ้น 50% และเตรียมวางแผนที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ภายในปี 2563
มร.เฉิน ซู่เฟิง ประธานกรรมการประจำภูมิภาค บริษัท ไฮไชน์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า “กลุ่มบริษัท ไฮไชน์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและเพื่อการค้า มุ่งเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในย่านธุรกิจแนวรถไฟฟ้า (BTS) หรือ รถไฟใต้ดิน ( MRT) มีบริษัทแม่ตั้งอยู่ที่ประเทศฮ่องกง มุ่งเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตเมืองหลวงและย่านใจกลางเมืองของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิเช่น จีน มาเลเซีย และประเทศไทย และยังมองหาโอกาสที่จะพัฒนาอสังหาในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบัน บริษัท ไฮไชน์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด มีการลงทุนและพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ มูลค่าการลงทุนกว่า 22,500 ล้านบาท รวมทั้งหมด 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรีเกิล สาทร-นราธิวาส, รีเกิล บางนา, รีเกิล ศรีนครินทร์ 40 และ รีเกิล สุขุมวิท 76 พื้นที่รวมทั้งสิ้น 126 ไร่ และพื้นที่ใช้สอยในอาคารกว่า 404,000 ตารางเมตร นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ทั้ง 4 โครงการได้เริ่มก่อสร้างไปแล้วและจะเริ่มเปิดขายโครงการภายในเร็ว ๆ นี้ (สิ้นปี 2562) ในส่วนของโครงการโครงการ รีเกิล สาทร-นราธิวาส และ รีเกิล บางนาได้ทำการเปิดขาย Pre-Sale ไปแล้วผลการตอบรับค่อนข้างดี ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายที่ 40% และ 20% ตามลำดับ
โครงการรีเกิล สุขุมวิท 76 เป็นโครงการมิกซ์ยูส มีอาคารที่พักอาศัย 8 อาคาร และพื้นที่ศูนย์การค้า 15,000 ตร.ม ตั้งอยู่บนถนนสายหลักของรถไฟฟ้าระหว่างแบริ่งและสถานีสำโรง มูลค่าโครงการกว่า 16,000 ล้านบาท จำนวน 4,931 ยูนิต สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตกแต่งสไตล์ “Luxurious Modern” บนพื้นที่โครงการขนาด 18 ไร่ เช่น สระว่ายน้ำขนาดใหญ่, สระว่ายน้ำลอยฟ้า 2 สระ, สระจากุชชี่, สวนสาธารณะขนาดใหญ่, สวนลอยฟ้าเพิ่มปอดให้คนกรุงเทพฯ ห้องสมุดสำหรับใช้เป็น co-working space , ฟิตเนส, ห้องโยคะ, สนามเทสนิส, และยิมหน้าผาจำลอง เป็นต้น เป็นทำเลที่มีศักยภาพและมีจุดเด่นตั้งอยู่บนถนนสายหลักของรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต ทั้งโรงเรียน, โรงพยาบาล, สถานศึกษา, ห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหารต่างๆ ระหว่างแบริ่งและสถานีสำโรง เพื่อรองรับกลุ่มที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าถึงและตอบโจทย์ไลฟสไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเริ่มเปิดให้ชมโครงการได้แล้ววันนี้ พิเศษสุดเปิดจองในราคาเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท
นอกจากนี้ในเดือนพฤศจิกายน บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการรีเกิล ศรีนครินทร์ 40 คอนโดอาคาร 8 ชั้น มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 40 และใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตเพียงแค่ 400 เมตรจากซีคอนสแควร์ และ 700 เมตรจากห้างสรรพสินค้าพาราไดซ์ พาร์ค บริษัทฯ เชื่อว่าโครงการรีเกิล ศรีนครินทร์ 40 จะเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จอีกโครงการหนึ่ง ที่ตอบสนองความต้องการให้กับผู้ที่ต้องการอาศัยในพื้นที่ศรีนครินทร์”
มร. เฉิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ว่า ไฮไชน์ เป็นบริษัทข้ามชาติ แต่ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เต็มรูปแบบจากหลายประเทศ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ทั้งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เราพร้อมมุ่งมั่นทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อความยั่งยืนในการพัฒนาอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาและสร้างที่พักอาศัยให้สะดวกสบายเพื่อให้เหมาะกับความเป็นอยู่ของคนไทย และแม้ว่าขณะนี้ตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยจะค่อนข้างนิ่งๆ หรือทรงตัว เนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ยังมีความต้องการอยู่มากสำหรับประชากรในประเทศ และยังเชื่อว่าไม่มีฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในตลาดประเทศไทย เนื่องจากความต้องการที่แท้จริงไม่ใช่ความต้องการเก็งกำไรสำหรับที่อยู่อาศัยแนวราบต่ำกว่า 3 ล้านบาท (US $ 97,150) ซึ่งคิดเป็น 70% ของตลาดตามที่สมาคมธุรกิจที่อยู่อาศัย (HBA) ซึ่งยังคงเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการเข้าสู่ตลาดนี้ ในปี 2562 เราตั้งเป้าหมายการขายของเราอยู่ที่ 3 พันล้านบาท บริษัทฯ หวังว่าจะเพิ่มขึ้น 50% ในปี 2563 เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 4.5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ เปิดตัวทีมผู้บริหารผู้ทรงคุณวุฒิมีความสามารถและเชี่ยวชาญด้านการบริหารงานอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งมีวิสัยทัศน์ในการวางกลยุทธ์ และให้คำแนะนำด้านการพัฒนาธุรกิจเป็นอย่างดี ซึ่งการเข้ามาเสริมศักยภาพทางธุรกิจครั้งนี้ จะส่งผลดีในการดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทฯ ต่อไปในอนาคต หลังจากนี้ บริษัทฯ เตรียมวางแผนที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ และคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2563 และอาจเริ่มจะโครงการทาวน์เฮ้าส์ในฝั่งตะวันออกของกรุงเทพภายในปีหน้า (ปี 2563)