บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ร่วมมือกับ จังหวัดชลบุรี โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด และ เทศบาลเมืองแสนสุข จัด “งานวิ่งมาราธอน บางแสน42 ชลบุรีมาราธอน2019” ภายใต้แนวคิด “The Passion of World-Class Marathon” มีนักวิ่งกว่า 12,000 คน ร่วมวิ่งฟูลมาราธอนระยะเดียว จัดเต็มทีมแพทย์ เทคโนโลยี รางวัลพิเศษ เสื้อ และเหรียญรางวัล โดยตั้งเป้า IAAF Gold Label Road Race ภายในปี 2565 คงคอนเซ็ปต์ Connect to the Running World พร้อมผลักดันนักวิ่งชาวไทยให้ไปร่วมสัมผัสงานวิ่งระดับ World class พร้อมนำเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาโดยคนไทย เข้ามายกระดับการจัดงานวิ่งมาราธอนของไทยสู่ระดับมาตรฐานโลก
นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า “จังหวัดชลบุรี มีความยินดีให้การสนับสนุนการจัดงานวิ่งบางแสน42 ชลบุรีมาราธอน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของจังหวัดที่ได้รับนโยบายจากรัฐบาลในการเน้น Sport Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งงานนี้ได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากตลอดการจัดงาน 2 ปีที่ผ่านมา รวมถึงปีนี้ที่ได้รับการตอบรับจากนักวิ่งเข้าร่วมงานมากถึง 12,000 คน นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดชลบุรีได้เป็นอย่างดี โดยบางแสน เป็นทำเลที่เหมาะสม ไม่ไกลจากกรุงเทพ และสนามบิน อีกทั้งยังเป็นประตูสู่ภาคตะวันออกไปยังสถานที่ท่องเที่ยวและจังหวัดต่างๆ บางแสนมีศักยภาพและความพร้อมในการรองรับนักวิ่งจำนวนมาก ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ รวมทั้ง เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สร้างความประทับใจให้กับนักวิ่งและนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เหมาะสมที่จะจัดงานที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศคุณภาพระดับสากล เทียบเท่างานวิ่งระดับโลกอื่นๆได้อย่างแน่นอน” นายภัครธรณ์ กล่าว
นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า “งานบางแสน42 ชลบุรีมาราธอน 2019 ได้รับการตอบรับจากกลุ่มนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา นับเป็นการสร้างชื่อเสียงและก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประเทศไทย ตามแนวทางเมือง Sport City โดยครั้งนี้ งานบางแสน42 ชลบุรีมาราธอน 2019 จะวิ่งผ่านเส้นทางสุดพิเศษ โดยวิ่งไปยังสะพานชลมารควิถี 84 พรรษา ซึ่งเป็นแลนมาร์คของจังหวัดชลบุรี มีทิวทัศน์สวยงามมาก นอกจากนี้นักวิ่งจะได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติตลอดเส้นทางวิ่งเลียบหาด ได้ชมมุมที่สวยที่สุดของทะเลบางแสน ผ่านเขาสามมุก ซึ่งปีนี้เราได้ปรับปรุงทัศนียภาพใหม่ให้เป็นของขวัญนักวิ่ง ที่จะสามารถแวะถ่ายรูปพร้อมชมวิวสวยๆ ยามเช้าได้ นอกจากนี้ยังได้พบกับศิลปะวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวบางแสน ที่ศาลเจ้านาจาไท่จื้อ และตลาดอ่างศิลา พร้อมด้วยอาหารขึ้นชื่อของบางแสนอีกหลายเมนูที่เตรียมไว้ต้อนรับนักวิ่งเมื่อเข้าเส้นชัย จังหวัดชลบุรีมีความพร้อมในการต้อนรับคนจำนวนมาก ทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร การเดินทางที่สะดวก คาดว่างานจัดวิ่งนี้จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดชลบุรีได้อย่างต่อเนื่อง” นายวิทยา กล่าว
นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม (นายกตุ้ย) นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข กล่าวว่า “ชาวบางแสน รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับนักวิ่งอีกครั้ง ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วสำหรับงานบางแสน42 ชลบุรีมาราธอน ซึ่งจากการจัดงานในสองปีที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจภายในชุมชนและละแวกใกล้เคียงเติบโต และเป็นไปในทิศทางบวก ชาวบางแสนรู้สึกมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพต้อนรับนักวิ่งทุกท่าน ดังที่นักวิ่งจะเห็นชาวบ้านออกมาเชียร์นักวิ่งด้วยใจที่หน้าบ้านของตนตลอดระยะเส้นทางการวิ่ง
ในด้านความปลอดภัยของนักวิ่งในฐานะเจ้าของพื้นที่ ได้ประสานงานเรื่องการปิดการจราจรในช่วงการแข่งขันกับทางตำรวจ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับนักวิ่งตลอดระยะทางการวิ่งอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ภาครัฐและเอกชนในท้องถิ่น ทีมอาสาสมัครต่างๆ ต่างร่วมมือ ร่วมใจกัน เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ที่จะทำให้งานนี้ประสบความสำเร็จในฐานะงานวิ่งมาราธอนระดับโลกให้ได้” นายณรงค์ชัย กล่าว
นายรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด เปิดเผยแผนการจัดงานวิ่งมาราธอน บางแสน42 ชลบุรีมาราธอน 2019 ว่า ในปีนี้ไมซ์ได้ร่วมกับจังหวัดชลบุรี โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด และ เทศบาลเมืองแสนสุข พร้อมที่จะจัด “งานวิ่งบางแสน42 ชลบุรีมาราธอน 2019” ภายใต้แนวคิด “The Passion of World-Class Marathon” ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 โดยประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในการจัดงานทั้ง 2 ปีที่ผ่านมา
นายรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้เราได้ยื่นขอรับรองมาตรฐาน IAAF Bronze Label Road Race โดยเรายังคงมาตรฐานการจัดงานระดับโลกไว้ ตามมาตฐานที่ทาง IAAF กำหนด ซึ่งเราได้ดำเนินการจัดงานด้วยมาตรฐานนี้มาตั้งแต่การจัดงานทั้ง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้ก็จะเข้มงวดกับมาตรฐานการจัดงานเพิ่มมากขึ้นอีก เพื่อความปลอดภัยของนักวิ่ง และความสมบูรณ์ของงานให้เทียบเท่างานวิ่งเมเจอร์ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปิดการจราจร 100% ตลอดการแข่งขัน ระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน พร้อมทีมแพทย์เคลื่อนที่ และรถฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีการทำประกันอุบัติเหตุ วงเงินรักษาพยาบาล 100,000 บาท ให้กับนักวิ่งทุกคน รวมถึงจะมีการสุ่มตรวจการใช้สารกระตุ้น (Anti-Doping) ตามมาตรฐานการจัดงานวิ่งของ IAAF Label Road Race อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบคัท-ออฟ มาใช้อย่างเข้มงวด โดยให้เวลาการแข่งขันทั้งสิ้น 7 ชั่วโมง และมีจุดเช็คพอยท์ ทั้งหมด 5 จุด หากนักวิ่งมาไม่ทันเวลาคัท-ออฟ จะถูกเชิญออกจากการแข่งขัน เช่นเดียวกับงานมาตรฐานสากลอื่น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ด้านความปลอดภัยของนักวิ่งเอง
จุดเด่นอีกด้านของงานในครั้งนี้คือการพัฒนาระบบ Face ID จากปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยในเรื่องของการแข่งขันในด้านต่างๆ อาทิ การตัดสินนักวิ่งที่ได้รับรางวัล การค้นหารูปถ่ายของนักวิ่ง เป็นต้นซึ่งนับเป็นงานแรกในประเทศไทยที่นำระบบนี้มาใช้ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ พัฒนาโดยโปรแกรมเมอร์ชาวไทย จากทีม ThaiRun
นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญคือการนำนักวิ่งไทยไปสู่สนามวิ่งระดับโลก ซึ่งในปีที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในการพานักวิ่งที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ชายและหญิง ไปร่วมวิ่งในงาน Lanzhou International Marathon 2019 ณ เมืองหลานโจว ประเทศจีน ซึ่งงานดังกล่าวเป็นงานระดับมาตรฐาน IAAF Gold Label ซึ่งนักวิ่งให้ความสนใจไปร่วมวิ่งกันมากมาย และเราก็ขอเชิญนักวิ่งบางแสน42-2019 ไปร่วมวิ่งสนามนี้ด้วยกันในปีหน้า” นายรัฐ กล่าว