แคปปิตอล จี ฯ รุกตลาดคอนโดมิเนียมใกล้สถานศึกษาย่านรังสิต จ. ปทุมธานี ล่าสุดปักหมุดโครงการใหม่ใกล้มหาวิทยาลัยรังสิต “MONTE RSU (มอนเต้ รังสิต)” ใต้คอนเซ็ปต์ “ Pround to live .. Pround to be Iconic” กล้าที่จะแตกต่าง สะท้อนทุกด้านที่เป็นคุณ มั่นใจศักยภาพทำเลที่ยังมีดีมานด์ และไม่มีโอเวอร์ซัพพลาย ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่และโครงการคอนโดฯแห่งเดียว ใกล้ม.รังสิตที่สุด ใกล้สนามบินและเมืองทองธานี คอลลิเออร์สฯ เผยเหมาะซื้ออยู่อาศัยจริงหรือปล่อยเช่า ที่ให้ผลตอบแทนสูง 6-10%
“รังสิต” คืออีกทำเลทองและพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดปทุมธานี โดยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นพื้นที่ที่มีแหล่งชุมชนขนาดใหญ่หลายจุด อีกทั้งเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งอุตสาหกรรม แหล่งช้อปปิง (Shopping) การคมนาคมสะดวก เชื่อมต่อถนนเส้นหลัก วิภาวดีรังสิต สรงประภา เชื่อมต่อทางด่วน ทั้งทางพิเศษอุดรรัถยา และทางยกระดับอุตราภิมุข และยังมีการพัฒนาระบบคมนาคมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต-ธรรมศาสตร์ ที่คาดจะเปิดให้บริการได้ในปี 2564 ขณะเดียวกันยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัย เพราะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลังชื่อดังของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยรังสิต
นอกจากนี้ในอนาคตยังมีโครงการใหญ่ๆที่จะเกิดในพื้นที่รังสิตอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ของบิ๊กค้าปลีกอย่างกลุ่มเซ็นทรัล ฯลฯ เหล่านี้ คือปัจจัยทำให้เกิดการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างไม่หยุดนิ่ง ซึ่งรวมถึง บริษัท แคปปิตอล จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่ได้เปิดตัว โครงการ “MONTE RSU (มอนเต้ รังสิต)” มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักศึกษา บุคลากรมหาวิทยาลัยและผู้อยู่อาศัยโดยรอบ รวมถึงนักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่าเป็นสำคัญ
นายชัยรัตน์ พิรุฬหพัสต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า แม้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในปี 2563 ไม่ดีนัก โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า Luxury ระดับราคาตั้งแต่1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) 2 แสนกว่าขึ้นไป ที่พบว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีสินค้ากลุ่มนี้ออกมาสู่ตลาดค่อนข้างมากและเป็นทำเลที่อยู่ในเมือง ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจีนให้ความสนใจ แต่หลังจากเกิดปัญหาค่าเงินหยวนและห้ามนำเงินไปลงทุนนอกประเทศ ทำให้เกิดกระแสคอนโดมิเนียมล้นตลาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มคนไทยที่มีเงินมีกำลังซื้อที่พร้อมจะซื้อในระดับราคาขายไม่เกิน 1 แสนบาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) หรือที่เรียกว่า “กลุ่มเรียลดีมานด์” นั้นตลาดกลุ่มนี้ยังไปได้ เพียงแต่ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินจะต้องเลือกทำเลให้ถูกจุดตรงกับความต้องการของตลาดผู้บริโภค
ดังนั้นการดำเนินการเพื่อสอดรับกับสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน แคปปิตอล จีฯ ใน1-2ปีนี้จะเปิดโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น และจะทำคอนโดมิเนียมราคาประมาณ 1.5 ล้านบาทถ้ามีที่ดิน และยังให้ความสำคัญกับกลุ่มเรียลดีมานด์ที่ยังมีความต้องการสูง
สำหรับโครงการ “MONTE RSU (มอนเต้ รังสิต)” ที่เปิดตัวล่าสุดมีทำเลใกล้มหาวิทยาลัยรังสิต มีความสงบค่อนข้างสูงและเป็นโซนใหม่ ไม่ไกลเมืองและแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน และด้วยราคาขายเฉลี่ย ต่อ ตร.ม. เพียง 60,000 บาท ทำเลอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง (สถานีหลักหก) และมหาวิทยาลัยรังสิตเพียง 1.5 กม. ใกล้ทางด่วนอุดรรัถยา ถนนวิภาวดี ท่าอากาศยานดอนเมือง และใกล้ Lifestyle Community อย่างโรบินสิน ศรีสมาน เมืองทองธานีและฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต จึงเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ขณะเดียวกันการเป็นโครงการ RARE PROJECT ในย่านนี้ ที่จัดเต็มด้วย Facilities พร้อมทั้ง Design ที่เอาใจวัยรุ่นและคนทำงาน ออกแบบฟังก์ชั่นการใช้สอยในห้องได้ลงตัว ในราคาที่จับต้องได้ทุกเพศทุกวัย ยังเหมาะกับการอยู่เองและเหมาะกับการลงทุน โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็น 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่มลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ที่อยู่ในพื้นที่หรือ Local demand ประมาณ 50 % เช่น นักศึกษา กลุ่มผู้ปกครอง กลุ่มผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ หรือทำงานในย่านรังสิต,เมืองเอก, สรงประภา และแจ้งวัฒนะ เป็นต้น , กลุ่มนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่า เป็นกลุ่มผู้ประกอบการเจ้าของอพาร์ตเม้นท์ในพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่และเล็ก ฯลฯ ประมาณ 20 % และกลุ่มนักเก็งกำไร ที่ชอบลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่ต้องการย้ายเงินลงทุนจากการลงทุนอื่นๆ เช่น จากพันธบัตร จากตลาดหุ้น ฯลฯ มาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงนักลงทุนหน้าใหม่ประมาณ 30 %
“ เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดเพราะโครงการ MONTE RSU มีจุดเด่นใน Location ที่รายล้อมไปด้วยทุกไลฟ์สไตล์ ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยในช่วง Gen Y-Z อายุ 18-35 ปี ลงตัวทุกการใช้ชีวิต รวมถึงการมี Facilities และ ฟังก์ชั่นห้องที่ลงตัว”
นายชัยรัตน์ กล่าวต่อว่า โครงการMONTE RSU (มอนเต้ รังสิต) พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “ Pround to live .. Pround to be Iconic” กล้าที่จะแตกต่าง สะท้อนทุกด้านที่เป็นคุณ จะเป็นคอนโดที่เพิ่มค่าในอนาคต เพราะข้อจำกัดของผังเมืองฉบับใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน FAR 2-3 เท่า ขึ้นตึกสูงแทบไม่ได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวประกอบกับจุดเด่นต่างๆของโครงการเชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทั้ง Capital gain กำไรที่ได้ จากการขาย, Rental yield กำไรจากการปล่อยเช่า โดยคาดว่าจะได้มากถึง 5-7% อัตราค่าเช่าประมาณ 7,000-12,000 บาทต่อเดือน
ภาพรวมการเพิ่มค่าในอนาคตจะมาจากจุดเด่นต่างๆ ดังนี้
1. การเป็น Landmark แห่งใหม่ของรังสิต กับคอนโดแห่งแรกที่ใกล้มหาวิทยาลัยรังสิต , เมืองทองธานี และ สนามบินดอนเมือง
2. เอกลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วย Design ล้ำสมัยภายใต้คอนเซ็ปต์ “ Pround to live .. Pround to be Iconic”
3. Smart Facilities รองรับทุกไลฟ์สไตล์ สาหรับคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
4. Smart Design ด้วย Function ห้องที่มีให้เลือกอย่างอิสระในแบบ Fully Furnished ทุกยูนิต
ทั้งนี้ โครงการMONTE RSU (มอนเต้ รังสิต) ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 3 ไร่กว่า พัฒาเป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 566 ยูนิต (รวมห้องพักเพื่อการพาณิชย์ 1 ยูนิต) ราคาขายเฉลี่ย 60,000 บาท/ตร.ม. หรือราคาเริ่มต้นประมาณ 1-1.5 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ประกอบด้วย 3อาคาร อาคารA จำนวน 210 ยูนิต , อาคาร B จำนวน 224 ยูนิต ,อาคารC จำนวน 132 ยูนิต
มีห้องชุด 3 แบบให้เลือก ดังนี้ แบบ Studio Suited ขนาด 22 ตารางเมตร จำนวน82 ยูนิต แบบ 1 Bedroom Extra Bedroom Extra ขนาด 25 -26 ตารางเมตร จำนวน343 ยูนิต และแบบ1 Bedroom Exclusive ขนาด 29 ตารางเมตร จำนวน 140 ยูนิต มีที่จอดรถ 181 คัน (จอดซ้อนคัน 48 คัน ) คิดเป็น 42% และมีที่จอดรถจักรยานยนต์รองรับอีกด้วย
ในส่วนของ Facilities ก็มีให้ครบครัน ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดผู้บริโภคเป้าหมาย รองรับไลฟ์สไตล์ของนักศึกษา มีทั้ง Co-working space / Meeting Studio รองรับการเรียนรู้และความชิลล์ ห้อง GYM ดีไซน์ทันสมัย Game Zone และ Mini theater ที่แทบจะไม่ต้องออกไปทำกิจกรรมที่ไหนอีกแล้ว และที่สำคัญ ก็คือ ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
โดยจะเริ่มเปิดให้เยี่ยมชมห้องตัวอย่างแก่ลูกค้าทั่วไปในวันที่ 14 มีนาคม 2563 และเปิดจองในวันที่ 28 มีนาคม 2563 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง ไตรมาสที่ 2 ปี 2564 กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาสที่ 3 ปี 2565 (ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขอ EIA ) ซึ่งโปรโมชั่นพิเศษสำหรับการจองซื้อช่วงนี้ เริ่มต้นที่ 990,000 บาท เป็นห้องโปรโมชั่น
พร้อมกันนี้นายชัยรัตน์ เปิดเผยถึงโครงการในอนาคตว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายการพัฒนาที่อยู่อาศัยไปยังแนวราบ โดยในปีนี้ได้ทำงานอย่างหนักศึกษาสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งได้พบพื้นที่มีศักยภาพสูง อาทิ ทำเลรพ.ศิริราช เป็นต้น ส่วนคอนโดมิเนียมยังพิจารณาเข้มข้นมากกว่าและเน้นราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทและราคาสมเหตุสมผล
ด้าน นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่มักให้ความสนใจพัฒนาโครงการทำเลโดยรอบมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ เนื่องจากมีดีมานด์ค่อนข้างชัดเจนและเป็นดีมานด์หมุนเวียน อีกทั้งเป็นทำเลที่เหมาะกับการลงทุนเพราะเป็นดีมานด์ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ในการศึกษาของคอลลิเออร์สฯ พบว่า ในย่านรังสิตมีนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยรวมมากกว่า 30,000 คน เฉพาะมหาวิทยาลัยรังสิตมีนักศึกษาจำนวนมากกว่า 21,000 คนและบุคลากรทางการศึกษาของมหาวิทยาลัยอีกกว่า 2,000 คน
ขณะเดียวกันการวิจัยยังพบว่า คอนโดมิเนียมรอบมหาวิทยาลัยย่านรังสิตมีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าสูงกว่าคอนโดมิเนียมในใจกลางเมืองในกรุงเทพมหานคร ที่มีเพียง 4-5%ในปี 2562 ซึ่งตกต่ำลง โดยผลตอบแทนค่าเช่าคอนโดมิเนียมรอบมหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิตและมหาวิทยาลัยกรุงเทพอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูงประมาณ 6-10% และมีผู้เช่าหลักได้แก่ นักศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงและผู้อยู่อาศัยโดยรอบและจากแหล่งงานต่าง ๆ โดยพบว่า ในรัศมี 3 กิโลเมตรของมหาวิทยาลัยรังสิตแวดล้อมด้วยแหล่งงานและพื้นที่ค้าปลีกจำนวนมาก รวมถึงช้อปปิ้งมอลล์หรือศูนย์การค้า โดยพื้นที่ค้าปลีกสำหรับอำนวยความสะดวกต่าง ๆมีมากถึง 423,000 ตรม. หรือเข้าใช้พื้นที่แล้ว 90% จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำให้คอนโดมิเนียมในย่านนี้มีผลตอบแทนจากค่าเช่าค่อนข้างสูง
“นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนค่อนข้างสูง เพราะผู้ปกครองต้องการให้บุตรหลานเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำ มีชื่อเสียง เป็นที่เชื่อถือ และอยากให้เข้าพักอาศัยในอยู่ในสังคมที่ปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย มีการออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักศึกษาจริง ๆ จึงทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายมองเห็นโอกาสในการเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์นักศึกษา”
สำหรับอาคารเปิดขายใหม่รอบมหาวิทยาลัยรังสิตในรัศมี 3 กิโลเมตร พบว่า ยังมีซัพพลายและดีมานด์สอดพ้องกัน ดีมานด์ยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยซัพพลายที่มีอยู่มากในปี 2014 ในปี 2015 เริ่มปรับลดลงต่อเนื่อง จนในปี 2016- 2019 ไม่มีซัพพลายใหม่เข้า จากที่มีอยู่ประมาณ 5,141 ยูนิต สามารถขายออกไป 4,621 ยูนิตหรือประมาณ 90% เหลือเพียง 500 ยูนิต หรือประมาณ 10% เท่านั้น ดังนั้นการมาเติมซัพพลายในช่วงนี้ของแคปปิตอล จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัดถือเป็นช่วงจังหวะค่อนข้างดี ต่างจากในทำเลใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิตและมหาวิทยาลัยกรุงเทพก่อนหน้านี้มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมไปมากกว่า 20,000 ยูนิต ซึ่งถือว่าสูงเป็นอย่างมาก