วันเวลาผันผ่านไปทุกวัน ความทรงจำต่างๆ ถูกหลงลืมไปตามกาลเวลา แต่มีอีกอย่างที่จะทำให้เรานึกถึงอดีตที่ผ่านไปได้นั่นก็คือภาพถ่าย และหากจะให้ภาพถ่ายได้ทำหน้าที่บ่งบอกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขได้อย่างดี คงต้องพึ่ง ‘ช่างภาพ’ มือโปรที่จะคอยเก็บบันทึกทุกภาพความทรงจำเก็บไว้ แต่! หากคิดว่าใครจะถ่ายรูปก็ได้แค่กดชัตเตอร์ก็จบ คุณคงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ เพราะการถ่ายรูปถือว่าเป็นศาสตร์แห่งศิลปะอีกแขนงหนึ่ง ต้องรู้มุม รู้แสง ฯลฯ เพื่อที่ภาพออกมาจะได้ดูสวยงามที่สุด การที่จะหาช่างภาพมาสักคนหนึ่งคงจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน เพราะตามที่คุณเห็นว่ามีการรับถ่ายภาพอยู่เต็มไปหมด แต่จะหาช่างภาพให้โดนใจไม่เสียเงินฟรีได้อย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากก่อนการตัดสินใจกัน
อย่าตัดสินผลงานเพียงแค่ภาพเดียว
ช่างภาพส่วนใหญ่มักจะอัปโหลดรูปหรือผลงานที่ผ่านลงในอัลบั้มอยู่เสมอ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจควรเลือกดูหลายๆ รูป หลายๆ อัลบั้มว่าภาพรวมทั้งหมดตรงกับแนวความชอบหรือเปล่า ซึ่งการดูผลงานของช่างภาพไม่ได้จะมีประโยชน์แค่ว่ารูปสวยไหม แต่จะแสดงให้เห็นแนวคิดการทำงานว่ามีความละเอียดขนาดไหน มี Prop ให้ใช้หรือเปล่า ถ่าย decoration ครบถ้วนทั้งมุมกว้างและเจาะรายละเอียดไหม ถ่ายเฉพาะผู้ว่าจ้างหรือตามเก็บรูปบรรยากาศไปในตัว ซึ่งรายละเอียดพวกนี้จะทำให้คุณมองเห็นศักยภาพของช่างกล้องคนนี้ ว่าเหมาะที่จะทำการจ้างหรือไม่ แต่ก็ขอบอกตามตรงว่าการดูรูปผลงานอย่างเดียวคงจะไม่พอ คุณอาจจะลองโทรไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยก็ได้
อย่าเพิ่งมัดจำหากคุณยังไม่เห็นผลงาน
ข้อนี้เป็นประเด็นหลักที่น่าสนใจ เพราะมีอยู่หลายคนรีบร้อนหาช่างภาพจนลืมดูผลงานที่ผ่านมา สรุปมีแต่เสียกับเสีย ถึงแม้ว่าจะมีคนรู้จักแนะนำมาแต่คุณควรดู Portfolio ของช่างภาพซะก่อน เพื่อความแน่ใจว่าใช่แนวการถ่ายรูปที่ต้องการหรือเปล่า เพราะไม่เช่นนั้นการที่คุณจะมาขอให้ช่างภาพที่ไม่ถนัดแนวการถ่ายรูปของตัวเอง มาถ่ายภาพตามแนวที่คุณต้องการ ผลลัพธ์ที่ออกมาคงไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่นัก และเหมือนเป็นการกดดันทั้งตัวเองและช่างภาพอีกด้วย ทางที่ดีค่อยๆ เลือกหาช่างภาพที่มีแนวการถ่ายและการแต่งรูปตามที่คุณต้องการจะดีที่สุด พอหาช่างภาพที่โดนใจแล้ว ก็พูดคุยรายละเอียดงานและโอนมัดจำไปได้เลย
Contact Point
อีกข้อที่สำคัญก่อนจะโอนเงินมัดจำไป คุณตรวจสอบให้ดีว่าช่างภาพคนนั้นมีชื่อ เบอร์โทรศัพท์, Line, E-mail, Facebook หรือที่อยู่ที่ชัดเจนไหม เพื่อให้สะดวกในการติดต่อและตามงาน ตัวอย่างเช่น https://fastwork.co/photography จะมีรายละเอียดของช่างภาพแต่ละคนบอกไว้อย่างครบถ้วน ไม่ต้องกลัวหนีหาย ติดต่อได้ 100 เปอร์เซ็นต์
ตกลงระยะเวลาถ่ายภาพให้ชัดเจน
โดยทั่วไปการหาช่างภาพมาถ่ายรูปนั้น จะมีการคิดราคาแบบเต็มวัน ครึ่งวัน หรือนับเป็นชั่วโมง ตรงนี้เองคุณควรพูดคุยถึงรายละเอียดให้ชัดเจนว่าการทำงานจะเริ่มตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง จะต่อชั่วโมงหรือออกนอกสถานที่เพิ่มเติมคิดเพิ่มราคาอย่างไร หากทำความเข้าใจตรงกันแล้วก็ไปเริ่มงานกันได้เลย
กำหนดการส่งงาน
ช่างกล้องไม่สามารถถ่ายรูปเสร็จแล้วส่งให้คุณได้เลย ฉะนั้นก่อนทำการว่าจ้างควรสอบถามถึงเรื่องกำหนดการส่งงานให้เรียบร้อยก่อน โดยระยะเวลาโดยประมาณคือ 1-2 เดือน ไม่น่าจะเกินกว่านี้ ซึ่งระยะเวลาการส่งงานจะไม่เท่ากันในแต่ละเจ้า เพราะรูปภาพแต่ละรูปต้องทำการรีทัช ปรับแต่งสี ดูความยากง่ายในรายละเอียดต่างๆ รวมถึงปริมาณรูปที่ต้องแต่งว่ามีเยอะขนาดไหน
ส่งงานในรูปแบบไหน
ในปัจจุบันการส่งงานของช่างภาพนั้นมีหลากหลายช่องทาง บางคนก็ล้างรูปส่ง EMS ให้เรียบร้อย หรือจะส่งเป็น DVD, flash drive, รูปพร้อมกรอบ etc. ซึ่งตรงนี้เองคุณก็อย่าลืมที่จะสอบถามรายละเอียดให้ดี เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายก่อนการตัดสินใจ จะได้ไม่ต้องเกิดคำถามให้คาใจในภายหลัง
เก็บหลักฐานรายละเอียดงานและหลักฐานการโอน
ในเรื่องนี้ต้องขอบอกเลยว่ากันไว้ดีกว่าแก้ เพราะในอนาคตเราไม่สามารถรับรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมาทางคุณจะได้มีหลักฐานเตรียมพร้อมไว้ชี้แจงรายละเอียด แต่ถ้าหากทั้งคุณและช่างภาพได้ตกลงเซ็นสัญญากันเรียบร้อย เข้าใจในข้อตกลงของทั้งฝ่าย ก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไรตามมาแล้วล่ะ
จากข้อมูลที่เรานำมาฝากกัน การหาช่างภาพในงานต่อไปของคุณคงจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากันแล้วใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าหากอยากหาช่างภาพฝีมือดี คุณเองก็สามารถเข้าไปเลือกชมผลงานของช่างภาพระดับแนวหน้าในวงการได้ที่ https://fastwork.co/photography ซึ่งแต่ละคนมีรายละเอียดข้อมูลการติดต่อบอกไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีรีวิวจากลูกค้าผู้ว่าจ้างจริง จึงทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่า การหาช่างภาพใน Fastwork นั้น มันเวิร์คจริงๆ สมชื่อ ให้การหาช่างภาพของคุณเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงแค่นำทริคที่เรานำมาฝากไปลองปรับใช้กันดู รับรองเลยว่าคุณจะได้ช่างภาพที่ถ่ายรูปออกมาได้โดนใจ แบบสไตล์ที่ใช่ ตามที่ใจคุณหวังอย่างแน่นอน!