ตำรวจอัมพวา จับมือ สสส.และภาคี จัดโครงการนำร่องสวมหมวกนิรภัย100% ดีเดย์1ส.ค.จับปรับเข้ม ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุทางถนน หวังเด็กนักเรียนช่วยกระตุ้นเตือนผู้ปกครอง ให้สวมหมวกทุกครั้งก่อนออกเดินทาง พร้อมชวนพื้นที่ร่วมสร้างวินัยจราจรให้กับประชาชน หวังลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืน
พ.ต.อ.ณัชชัชพงศ์ ศศลักษณานนท์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานเปิดโครงการ “สวมหมวกนิรภัย รักษาวินัยจราจร” ร่วมกับ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กรุงเทพมหานคร และโรงเรียนเทศบาล 3 วัดอัมพวันเจติยาราม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่อำเภออัมพวา มีจิตสำนึกและเคารพกฎหมายขับขี่รถจักรยานยนต์ สร้างความปลอดภัยต้องสร้างตั้งแต่เด็ก ภายในงาน เด็กนักเรียน ได้ร่วมกิจกรรมให้ความรู้กฎหมาย วินัยจราจร และกิจกรรม“สวมหมวกให้หนู” จากโครงการกันน็อคให้น้อง มอบ100ใบ ให้เด็กนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ และเดินขบวนรณรงค์ เพื่อประชาสัมพันธ์รอบตลาดน้ำอัมพวา
พ.ต.อ.ณัชชัชพงศ์ กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุจราจรในพื้นที่ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์มากที่สุด เพราะผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกกันน็อค เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงเสริมสร้างวินัยการเคารพกฎจราจรเมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ ทาง พ.ต.อ.เผด็จ ภู่บุบผากาญจน ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอัมพวา จึงมีแนวคิดผลักดันให้พื้นที่อัมพวาซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นตัวอย่างของอำเภอนำร่อง ที่มีมาตรการด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ผ่านโครงการสวมหมวกนิรภัย100% เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกตระหนักป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ทั้งนี้ได้ประชาสัมพันธ์ในพื้นที่รับทราบ ตั้งแต่1-31ก.ค.ที่ผ่านมา และ1ส.ค.เป็นต้นไป จะมีการจับกุมเปรียบเทียบปรับอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ทั้งคนขับและคนซ้อน และทราบว่า สภ.อัมพวา ยังเตรียมจัดทำโครงการกับกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อีกหลายกิจกรรมหลังจากนี้
“โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากเครือข่าย และสสส. รวมถึงหน่วยงานราชการ ฝ่ายปกครองอำเภอ สถานศึกษา เข้ามาสนับสนุน ซึ่งการมีภาคีเข้ามาช่วยดำเนินงาน ทำให้พื้นที่สามารถสื่อสารประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูล เพื่อให้ประชาชนเกิดการรับรู้ได้ง่ายขึ้น ส่วนการดำเนินงานโครงการสวมหมวกนิรภัย100% ทางสถานีตำรวจภูธรอัมพวาจะทำงานแบบบูรณาการ คือ บังคับใช้กฎหมายบางส่วน ควบคู่การแนะนำตักเตือนในเบื้องต้น แต่หากตักเตือน1–2ครั้ง แล้วยังทำอีก จะมีมาตรการลงโทษจับปรับอย่างเข้มงวด” พ.ต.อ.ณัชชัชพงศ์ กล่าว
นายยุทธนา โพธิวิหค นายอำเภออัมพวา กล่าวว่า อัมพวาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว คนนิยมใช้รถจักรยานยนต์จำนวนมาก แต่มักพบคนขับและผู้ซ้อนไม่สวมหมวกกันน็อค เพราะด้วยวิถีชีวิต เดินทางไปมาบริเวณบ้านอยู่เป็นประจำ จึงมองข้ามความปลอดภัย ดังนั้นอำเภออัมพวาได้รณรงค์ให้ข้าราชการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะรถราชการต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี บังคับใช้กฎหมาย100% สำหรับโครงการนี้มีแนวทางจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้แก่อำเภอเมือง และอำเภอบางคนที โดยปรับให้เข้ากับสังคมและบริบทของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้จังหวัดสมุทรสงครามเป็นพื้นที่ปลอดภัยขณะขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างยั่งยืน และเร็วๆนี้จะนัดผู้บริหารสถานศึกษาทั้งอำเภอหารือเพื่อกำหนดมาตรการร่วมกัน
นางสาวเครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต กล่าวว่า เครือข่ายฯ ได้รับการสนับสนุนจาก สสส.เพื่อดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งที่ผ่านมา พบว่า คนขับและผู้ซ้อนมักไม่สวมหมวกกันน็อค เมื่อเกิดอุบัติเหตุส่งผลให้ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง บางรายถึงขั้นพิการเสียชีวิต ดังนั้นการรณรงค์ด้านวินัยจราจร ความปลอดภัยบนท้องถนน จะประสบความสำเร็จและเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ยั่งยืนได้ ทุกฝ่ายต้องร่วมกัน ทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ กระตุ้นจิตสำนึก มีมาตรการองค์กร และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
“เราต้องเริ่มกระตุ้นและปลูกฝังสร้างวินัยการสวมหมวกกันน็อค ตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อที่เด็กจะเป็นกระบอกเสียงสื่อไปถึงผู้ปกครอง บอกหรือเตือน พ่อ แม่ ว่าต้องสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งที่ต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ทุกคน ทุกวัย รักความปลอดภัยของตัวเองและเพื่อนร่วมเดินทาง โครงการดังกล่าว เครือข่าย และสสส. จะไม่สามารถรณรงค์ให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้100% หากไม่ริเริ่มจากพื้นที่โดยตรง วันนี้โชคดีที่พื้นที่เองมีแนวคิดที่จะริเริ่ม แล้วให้เรา มาเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน เพื่อลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุ” นางสาวเครือมาศ กล่าว
นายจักรกฤษณ์ บรรจงคชาธาร ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 3 วัดอัมพวันเจติยาราม กล่าวว่า โรงเรียนได้ส่งเสริมให้บุคลากรทุกคน ต้องสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งที่สัญจรบนท้องถนน เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ ส่วนผู้ปกครองที่รับส่งบุตรหลานด้วยรถจักรยานยนต์ จะขอความร่วมมือให้สวมหมวกกันน็อคทั้งคนขับและคนซ้อน เพื่อความปลอดภัย ทางโรงเรียนต้องขอบคุณ ภาคีเครือข่าย สสส. ที่มาทำกิจกรรมสร้างความปลอดภัยให้เด็ก รวมถึงทำให้เด็กๆ ได้รับความรู้และซึมซับแบบอย่างที่ดี เมื่อเติบโตขึ้นจะได้มีความรับผิดชอบ และพร้อมที่จะเป็นจิตอาสาทำประโยชน์เพื่อสังคมต่อไป
นายศักดา บุญสุขศรี อายุ 43 ปี ผู้ประสบเหตุ เครือข่ายเมาแล้วขับ กล่าวว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตน เป็นตัวอย่างของผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยไม่สวมหมวกกันน็อค เพราะคิดว่าเดินทางในระยะใกล้ๆ แค่ออกไปซื้อของ ไม่น่าจะเป็นอันตราย เมื่อเกิดอุบัติเหตุศีรษะเลยกระแทกกำแพงและพื้น สมองได้รับการกระทบกระเทือนจนเลือดคลั่ง ต้องผ่าตัด อุบัติเหตุครั้งนั้นส่งผลให้ปัจจุบันต้องกลายเป็นผู้พิการนั่งวิวแชร์ตลอดชีวิต อยากฝากว่า ความสูญเสียที่มันเกิดขึ้นแล้วไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ เวลาช่วงเสี้ยววินาที ระยะทางไม่ถึงกิโลก็เกิดอุบัติเหตุได้
“น้อกาญ” ด.ญ.หทัยกาณจน์ มั่นอ่วม นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดอัมพวันเจติยาราม กล่าวว่า หมวกกันน็อคมีความสำคัญและจำเป็นต่อชีวิต เพราะช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้ เวลาที่คุณแม่มาส่งที่โรงเรียน หรือไปตลาด ไปทำธุระ แม่และหนูก็จะสวมหมวกกันน็อคก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง หนูอยากเชิญชวนทุกๆคนสวมหมวกกันน็อคเวลาขับขี่