กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมด้วยพันธมิตร จัดกิจกรรมเสริมความพร้อม SME ด้วยการสร้างเครือข่ายธุรกิจ Logistics Startup ในงาน “Logistics Behind the Success of Business : โลจิสติกส์เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ SME”ภายใต้โครงการ DBD Service x Logistics Startup ด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีจาก 7 Startup ด้านโลจิสติกส์ มาช่วยพัฒนาระบบการขนส่งและคลังจัดเก็บสินค้าให้ทันสมัยตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยมีSME 316 ราย เข้าร่วมโครงการ เชื่อ! จะเป็นส่วนสำคัญให้ SME สามารถปรับตัวรับมือกับวิกฤติ COVID-19 ได้
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน “Logistics Behind the Success of Business : โลจิสติกส์เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ” ณ ชั้น 4 ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ ว่า กิจกรรมในวันนี้ (17 สิงหาคม 2563) เป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการ DBD Service x Logistics Startup โดยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว ในปีที่ผ่านมากรมฯ ได้ผลตอบรับและประสบความสำเร็จอย่างมากในการจับคู่ธุรกิจบริการกับ Startup ทำให้ SME ไทยสามารถบริหารธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ สำหรับในปีนี้จะเป็นการจับคู่ระหว่างธุรกิจ SME กับ Logistics Startup โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ และการบริหารคลังสินค้า ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ในทางกลับกันจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับ Logistics Startup และเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์กับธุรกิจ SME ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภายในประเทศด้วย
อธิบดี กล่าวต่อว่า “กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.), สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (TVCA), สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ (TTSA) และเทคซอส มีเดีย เพื่อคัดเลือก Logistics Startup ที่จะมาช่วยให้คำปรึกษาและจัดการระบบโลจิสติกส์ให้กับ SME ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบไปด้วย Startup จำนวน 7 ราย ได้แก่ My-Cloud Fulfillment, Ship Space, Shipyours, Meow Logis, Akita Fulfillment, Siam Outlet และ Friendly Groups Logisticsนอกจากนี้ ยังมอบสิทธิพิเศษมากมายสำหรับ SME ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ลดหรือฟรีค่าเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้า, ฟรีค่าบรรจุห่อสินค้า และค่าจัดส่งราคาพิเศษ เป็นต้น (เงื่อนไขเป็นไปตามที่แต่ละ Startup กำหนด)”
“ด้าน SME ที่เข้าร่วมโครงการมีจำนวน 316 ราย โดยมีสินค้าที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ อาทิ Facebook, Instagram และ e-Marketing ต่างๆ เป็นสินค้าที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ และหากเป็นอาหารหรืออาหารเสริมจากต้องมีเลขจดแจ้งที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งนี้ พบว่าส่วนใหญ่เป็นธุรกิจ เครื่องสำอาง อาหารเสริม สินค้าแฟชั่น และอุปกรณ์ไฟฟ้า สำหรับการจับคู่ธุรกิจกับ Logistics Startup จะช่วยให้ SME ปิดจุดอ่อนทางธุรกิจด้านต่างๆ อย่างไม่มีที่เก็บสินค้า, การบริหารจัดการคลังสินค้า, การขนส่งสินค้า, การเช็คสต๊อก, การแพ็กและส่งสินค้า, การเพิ่มความเร็วในการจัดส่งให้ถึงมือลูกค้า และการบริหารต้นทุน ระบบของ Startup จะช่วยให้การจัดการเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพ ลดความผิดพลาดในกระบวนการทำงาน ซึ่งหมายถึงจะช่วยลดความเสี่ยงในการ สูญเสียรายได้ด้วย”
“ทั้งนี้ ภายในกิจกรรมฯ ยังได้รับเกียรติจากคุณนิธิ สัจจทิพวรรณ CEO & Co-Founder, MyCloudfulfillment ร่วมบรรยายใน หัวข้อ “เปลี่ยน Fulfillment ให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ” และการเสวนาในหัวข้อ “ธุรกิจ Fulfillment ปรับตัวอย่างไรให้รอดพร้อมพา SME ให้รุ่ง” โดย Logistics Startup ที่เข้าร่วมโครงการกรมฯ คาดหวังว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญที่จะช่วยให้ SME ไทยมีความพร้อมในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นสามารถนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงาน และสามารถปรับตัวได้ในสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ในที่สุด” อธิบดี กล่าวทิ้งท้าย