จากกรณีที่มีการเปิดเผยขบวนการการค้ามนุษย์ ค้าประเวณีเด็ก ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เครือข่ายองค์กรทำงานด้านเด็ก เยาวชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและพื้นที่ภาคใต้ กว่า30 คน อาทิ กลุ่มยุวชนสร้างสรรค์ สมาคมเพื่อนเยาวชนและพัฒนาสังคมภาคใต้ตอนบน เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุราภาคใต้ มูลนิธิรักษ์ไทย ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เครือข่ายเพื่อนเยาวชนภาคใต้ เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน(ขสย.) ได้จัดเวทีพบปะเครือข่ายองค์กรทำงานด้านเด็ก เยาวชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและพื้นที่ภาคใต้ และออกแถลงการณ์ต่อกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว
นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน(ขสย.) กล่าวว่า ขสย.และเครือข่ายเพื่อนเยาวชนภาคใต้ ได้ติดตามประเด็นนี้มาอย่างต่อเนื่อง จากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมแบบผิดๆ เรื่องการซื้อบริการหรือการหาประโยชน์ทางเพศกับเด็ก วัฒนธรรมเลี้ยงดูปูเสื่อ ยังมีอยู่ในบางกลุ่มคน โดยเฉพาะบุคคลที่มีหน้ามีตาทางสังคม มีอำนาจหน้าที่ใหญ่โต มีอำนาจเหนือผู้เสียหาย ทำให้การดำเนินคดีหรือการกอบกู้คุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้เสียหาย หรือผู้ถูกกระทำเป็นไปด้วยความยากลำบาก รวมถึงกรณีข้าราชการที่ลุกขึ้นมาปกป้องเด็กเยาวชนและต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม แต่กลับถูกละเลย ถูกอำนาจที่เหนือกว่ากดดัน แทรกแซง จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายในสังคมต้องร่วมแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย และติดตามการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
“ถึงเวลาแล้วที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต้องทบทวนการทำงานด้านการปกป้องคุ้มครองเด็ก สร้างกลไกสนับสนุนให้ภาคประชาสังคมเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน เพราะลำพังเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายเดียวรับมือกับปัญหานี้ไม่ได้ และไม่ควรปล่อยให้การแทรกแซงหรือเหตุการณ์ทำผิดเสียเองแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก อย่ามีแค่มาตรการตั้งรับ ไม่มีมาตรการเชิงรุกที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการปกป้องข้าราชการน้ำดีที่กล้าต่อสู้เพื่อความถูกต้องยิ่งต้องมีกลไกปกป้องสนับสนุน พม. ไม่ควรสูญเสียข้าราชการน้ำดีเช่นหัวหน้าบ้านพักเด็กฯท่านนี้ เพราะจะยิ่งทำลายขวัญและกำลังใจของพนักงานเจ้าหน้า รัฐมนตรี พม.ควรยืนให้ชัด ประชาชนกำลังจับตาดูถึงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้” นายธีรภัทร์ กล่าว
ด้านนายนิวัตร์ โฮ้เต้กิ้ม ผู้แทนองค์กรด้านเด็ก เยาวชน และภาคประชาสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมาจากที่อดีตหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ติดตามเรื่องอย่างจริงจัง นำเด็กเข้าแจ้งความ เอาผิดกับผู้กระทำผิด นำไปสู่การเข้ามาทำคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง ซึ่งก็น่าตกใจเป็นอย่างยิ่งว่าจากพยานหลักฐาน ทั้งสถานที่ และบุคคล พบว่ามีผู้กระทำความผิดที่ถูกออกหมายจับถึง42 หมายจับ และคาดว่าการขยายผลเพิ่มขึ้น ซึ่งหลาย ๆ คนเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม สุราษฎร์ธานี จึงต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง ทุกมิติ
ทั้งนี้ องค์กรด้านเด็ก เยาวชน ภาคประชาสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเครือข่ายเพื่อนเยาวชนภาคใต้ มีจุดยืนและข้อเสนอต่อสังคมดังนี้
- ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา เร่งรัดตรวจสอบ ตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยไม่มีการเข้ามาแทรกแซงในการปฏิบัติหน้าที่ในทุกกรณี
- ขอให้มีการช่วยเหลือ ปกป้อง คุ้มครอง และเยียวยา เด็ก ครอบครัว และข้าราชการที่ทำงาน อย่างถูกต้อง ให้มีความปลอดภัยในชีวิตและหน้าที่การงาน ป้องกันการข่มขู่แทรกแซงเหมือนที่เคยเกิดในอดีต
- กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องมีมาตรการเชิงรุกในการปกป้องเด็ก ครอบครัว เจ้าหน้าที่ รวมถึงข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อคลี่คลายปัญหา โดยใช้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา
- เรียกร้องทุกภาคส่วนทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้มีส่วนร่วมในการติดตามและกระตุ้นสังคม ช่วยกันป้องกันปัญหาเด็กเยาวชนให้สมกับความเป็น “สุราษเมืองคนดี” ถึงเวลาที่ต้องร่วมกันปัดกวาดบ้านเมืองของเรา
ทั้งนี้เครือข่ายองค์กรทำงานด้านเด็ก เยาวชน ภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเพื่อนเครือข่ายจะให้ความสำคัญและร่วมติดตามกรณีนี้ อย่างต่อเนื่อง