นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผย ถึงกรณีมีการเผยแพร่คำพิพากษาฎีกาแล้วนำไปตีความเอาเองว่า ถ้าเมาแล้วขับสามารถปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ โดยจะไม่โดนโทษฐานเมาแล้วขับ แต่จะโดนแค่โทษขัดขืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมีโทษแค่เพียงปรับ 1,000 บาท
มูลนิธิเมาไม่ขับได้รับโทรศัพท์ ไลน์ และอีเมลล์ สอบถามมาเป็นจำนวนมาก และได้ทำการศึกษา คำพิพากษาดังกล่าว โดยละเอียดแล้วปรากฎว่าเป็นการตีความผิดของชาวโซเชี่ยล ข้อเท็จจริงคือศาลให้ฟ้องผู้ที่ปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์มีความผิดฐานเมาแล้วขับ และมีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานสอบสวน ตามพรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 142 วรรค 2 และมาตรา 154 วรรค 3 แต่ยกฟ้องข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 วรรค 1
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เปิดเผยอีกว่า กฎหมายเมาไม่ขับมีการพัฒนาเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของสังคมมาโดยตลอด การที่ผู้ขับขี่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วไปขับรถเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นานาอารยประเทศได้กำหนดไว้ในกฎหมายว่ามีความผิด เพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนทั้งกับตนเองและผู้ร่วมทาง การที่ผู้ขับขี่เมาแล้วขับถือเป็นการจงใจท้าทายกฎหมายโดยพื้นฐาน ยิ่งในกรณีปฏิเสธไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดแอลกอฮอล์ ย่อมเล็งเห็นถึงเจตนาที่จะหลบเลี่ยงเพื่อให้พ้นผิด จึงมีการออกกฎหมายเพื่อลงโทษผู้ฝ่าฝืนดังกล่าว
ตนจึงขอเตือนประชาชนผู้ขับขี่ ถ้ามีความจำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขอให้งดขับขี่ยานพาหนะอย่างเด็ดขาด เพราะถ้าฝืนขับขี่รถขณะมึนเมา มีโทษสูงคือจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าเจ้าหน้าที่เรียกตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วปฏิเสธจะมีโทษเช่นเดียวกับการเมาแล้วขับ ไม่ใช่โทษแค่ปรับ 1,000 บาท ตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อโซเชี่ยลแต่อย่างใด นายแพทย์แท้จริง กล่าว