รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เผยว่า ด้วยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และบริษัท สกิลเลน เอดูเคชั่น จำกัด ได้ร่วมมือกันจัดทำโครงการการใช้ระบบคลังหน่วยกิตแห่งชาติ (National Credit Bank System) เทียบโอนหน่วยกิตและผลการเรียนในระดับอุดมศึกษาในระยะที่ 1 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตในระดับอุดมศึกษา และเป็นการสร้างระบบและกลไกในการเทียบโอนผลการเรียนและผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ได้จากทั้งการศึกษาในระบบ และการศึกษานอกระบบ รวมถึงการศึกษาตามอัธยาศัยมาเก็บสะสมไว้ ในงาน Thailand HR Tech 2022 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (Personnel Management Association of Thailand : PMAT) พร้อมกับนำเสนอโครงการภายใต้หัวข้อ The Debut of National Credit Bank System (NCBS) ณ ศูนย์ประชุม รอยัล พารากอน ฮอลล์
“โครงการดังกล่าว จะมุ่งเน้นการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการระบบคลังหน่วยกิตแห่งชาติ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งหมด 5 ส่วนด้วยกัน คือ (1) การพัฒนาต้นแบบของระบบสารสนเทศของระบบคลังหน่วยกิตแห่งชาติ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบคลังหน่วยกิตของสถาบันอุดมศึกษา (2) การพัฒนาต้นแบบของระบบสารสนเทศของระบบคลังหน่วยกิตสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 1-4 สถาบัน สำหรับการทดสอบการเชื่อมต่อกับคลังหน่วยกิตกลาง (3) การพัฒนาตัวอย่างต้นแบบร่างระเบียบคลังหน่วยกิตสถาบันอุดมศึกษา สำหรับสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 1-2 สถาบัน (4) การสาธิตวิธีการสะสมและเทียบโอนหน่วยกิตในระบบคลังหน่วยกิตสถาบันอุดมศึกษาและคลังหน่วยกิตแห่งชาติ โดยใช้ข้อมูลตัวอย่าง และ (5) การใช้งานระบบสารสนเทศของระบบคลังหน่วยกิตแห่งชาติ และระบบคลังหน่วยกิตสถาบันอุดมศึกษา” รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษณ์ชนม์ อธิบาย
รองอธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวอีกด้วยว่า ทาง มทร.ธัญบุรี ได้รับเชิญให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสถาบันอุดมศึกษานำร่อง ในการร่วมพัฒนาและทดลองใช้งานต้นแบบของระบบสารสนเทศของระบบคลังหน่วยกิตสถาบันอุดมศึกษา และตัวอย่างต้นแบบร่างระเบียบคลังหน่วยกิตสถาบันอุดมศึกษา เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อกับคลังหน่วยกิตกลาง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับการพัฒนาระบบคลังหน่วยกิตในอนาคต นอกจากนี้ มทร.ธัญบุรี ยังได้แชร์มุมมองในการใช้งานระบบคลังหน่วยกิตแห่งชาติในการพัฒนาการศึกษา ของ มทร.ธัญบุรี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะมีศักยภาพยิ่งกว่าเดิม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการฯ นี้จะเปิดโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตในระดับอุดมศึกษา และใช้ความรู้ที่ได้ทั้งหมดต่อยอดสู่การประกอบอาชีพต่อไปได้.