วศ.ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต โชว์ผลงานเด่นแห่งปี “รถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ – สนามทดสอบ CAV” หวังสร้างความเชื่อมั่น-กระตุ้นการลงทุน ซึ่งประเมินมูลค่าเศรษฐกิจที่ไทยจะได้รับจากการมีอุตสาหกรรมดังกล่าวในประเทศถึง 2 แสนล้านบาทในปี 2573 สนใจชมได้ที่งาน “TechnoMart 2023” ระหว่าง 11 -15 สิงหาคมนี้ ที่อาคาร 12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายแพทย์ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า การพัฒนายานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีชั้นแนวหน้า ที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา รวมถึงประเทศไทยที่เริ่มเห็นความสนใจจากภาคเอกชนต่อการนำระบบยานยนต์อัตโนมัติมาใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นยานยนต์อัตโนมัติสำหรับใช้งานในพื้นที่ปิด และยานยนต์อัตโนมัติอื่น ๆ เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช.ได้ร่วมกับพันธมิตรและบริษัทพนัสแอสเซมบลีย์ จำกัด ริเริ่มโครงการการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่เหมาะกับการใช้งานภายใต้สภาพเงื่อนไขประเทศไทย
ทั้งนี้การวิจัยยานยนต์อัตโนมัติของสถาบันการศึกษาในประเทศไทยส่วนใหญ่จะยังอยู่ในระดับ 3 ซึ่งรถสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตนเองในสภาพแวดล้อมและสภาวะที่ออกแบบไว้และยังต้องอาศัยคนช่วยควบคุมในบางสถานการณ์ แม้ว่าปัจจุบันจะมีบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สามารถพัฒนายานยนต์อัตโนมัติ ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับที่รถสามารถขับเคลื่อนและวิเคราะห์จัดการสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ และเริ่มนำมาทดสอบใช้งานจริงในพื้นที่สาธารณะแล้ว แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งด้านสมรรถนะและความปลอดภัยก็ยังคงเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว
“เพื่อช่วยให้เกิดอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทย จำเป็นต้องมีการทดสอบและรับรองคุณภาพเพื่อเสริมความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการใช้งาน วศ. ซึ่งมีภารกิจหลักในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพ(NQI) ของประเทศ จึงจัดทำโครงการสร้างสนามทดสอบรถอัตโนมัติหรือ Connected and Autonomous Vehicle (CAV) Proving Ground ขึ้น ที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) เพื่อยกระดับคุณภาพของยานยนต์แห่งอนาคตที่พัฒนาและผลิตในประเทศให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการยานยนต์สมัยใหม่ในการขายนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และกระตุ้นการลงทุนในเขตพื้นที่ EECi ซึ่งมีการประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะได้รับจากการมีอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ประมาณ 2 แสนล้านบาทในปี 2573 โดยโครงการดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี (พ.ศ. 2565 – 2568) ปัจจุบันการดำเนินงานเฟสแรกคือปรับพื้นที่ และสร้างสนามส่วนถนนแล้วเสร็จ ส่วนเฟสที่สองจะเริ่มสร้างตึกสำหรับห้องปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ และสร้างอุโมงค์เพื่อจำลองพื้นที่อับสัญญาน คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2568”
ด้าน ดร.ปาษาณ กุลวานิช นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ กลุ่มนวัตกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ กองวัสดุวิศวกรรม กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) หัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า วศ. ได้เซ็นสัญญาเช่าที่ดินของจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จำนวน 26 ไร่ ที่วังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง เพื่อใช้ในการก่อสร้างสนามทดสอบ CAV สำหรับใช้ทดสอบระบบนำทางของรถอัตโนมัติ โดยจำลองลักษณะของถนนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนในเขตเมือง สัญญาณจราจร ป้ายจราจร อุปกรณ์เสริมความปลอดภัย เช่น รั้วกันชน พื้นที่อับสัญญาณ เช่น อุโมงค์หรือหลังคา พื้นที่รบกวนสัญญาณภาพ เช่น พื้นที่มีเงารบกวนจากต้นไม้ พร้อมทั้งทดสอบระบบขับเคลื่อนของยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV รวมไปถึงระบบสื่อสารและโทรคมนาคมแบบ WiFi, 4G LTE, 5G 2600MHz เพื่อตรวจสอบสมรรถนะการทำงานของโปรแกรมการนำทางและโปรแกรมเสริมความปลอดภัยในการขับขี่ รวมทั้งทดสอบการเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างศูนย์ควบคุมกับรถอัตโนมัติหรือระหว่างรถอัตโนมัติให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ดร.ปาษาณ กล่าวอีกว่า มาตรฐานของสนามได้รับการทดสอบจากบริษัท IDIADA ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมชั้นนำที่มีประสบการณ์ในการดำเนินงานทางด้านการทดสอบยานยนต์มากกว่า 25 ปี โดยให้บริการด้านวิศวกรรม การออกแบบ การทดสอบ และการขอใบรับรองเกี่ยวกับยานยนต์แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก สนามทดสอบ CAV ดังกล่าว นอกจากจะเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตของประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการจัดเตรียมความพร้อมบุคลากรสำหรับการให้บริการทดสอบยานยนต์อัตโนมัติ เพื่อใช้ยกระดับคุณภาพของยานยนต์แห่งอนาคตที่พัฒนาและผลิตในประเทศให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และเป็นสนามทดสอบระบบอัตโนมัติระดับ SAE AV Level 3-5 จากต่างประเทศก่อนที่จะสามารถนำรถมาทดสอบบนถนนจริงของประเทศไทย ซึ่งเป็นการดึงดูดความสนใจของบริษัทชั้นนำระดับโลกทางด้านเทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติให้มาลงทุนหรือประกอบกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงในประเทศไทย
ขณะที่ “ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ” ที่ใช้ในศึกษาและพัฒนาวิธีทดสอบสมรรถนะและความปลอดภัยต่าง ๆ คณะผู้วิจัยได้มีการพัฒนารถยนต์โดยสารขับขี่อัตโนมัติ ในระดับ 3 ขึ้น โดยมี Safety drive เฝ้าระวัง นำทางด้วยเซนเซอร์แบบ LiDAR สมรรถนะสูง มองไกลกว่า 100 เมตร โดยไม่ต้องพึ่ง GPS และใช้เทคโนโลยีเอไอในการจำแนกวัตถุ ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ คน รวมทั้งทำนายการเคลื่อนที่ของวัตถุปัจจุบันสามารถทดสอบรถขับขี่แบบอัตโนมัติที่ความเร็วสูงสุด 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
“เทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการขับขี่ ไม่สามารถที่จะเร่งพัฒนาให้ตามความคาดหวังของสังคมได้ ซึ่งยานยนต์ไร้คนขับอาจจะพัฒนาให้สมบูรณ์แบบได้ภายใน 2-5 ปีนี้ ซึ่งไม่ได้แปลว่าจะทำไม่สำเร็จ และเมื่อสำเร็จแล้วจะเกิดประโยชน์หลายอย่างที่ตามมา ทั้งทำให้อุบัติเหตุบนถนนเป็นศูนย์ ทำให้อุตสาหกรรมการขนส่งที่เป็น Smart City มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดข้อจำกัดทางร่างกายช่วยผู้พิการและผู้สูงอายุให้สามารถเดินทางง่ายขึ้น ตลอดจนเป็นการดึงนักลงทุนเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย”
สำหรับเป้าหมายการพัฒนาต่อไปในอนาคต ดร.ปาษาณ กล่าวว่า วศ. มองเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจด้านเทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายแห่งอนาคต (Future Mobility) โดยเฉพาะโครงสร้างการคมนาคมที่จะเปลี่ยนจากเดิมไปสู่ระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ด้วยระบบไฟฟ้า หรือการขับขี่อัตโนมัติ ดังนั้นเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงระบบดังกล่าวได้จำเป็นต้องยกระดับด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงประเภทปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ โทรคมนาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น การผลิตระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แบตเตอรี่ อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยแบบ Advance Driver Assistance System : ADAS และยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ ที่มีโอกาสเติบโตอีกมาก ซึ่งประเทศไทยนั้นสามารถพัฒนาระดับการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีดังกล่าวได้ วศ. จึงได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ให้ได้รับการรับรองคุณภาพสินค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกอีกด้วย
สำหรับผู้สนใจ วศ. ได้นำผลงาน “รถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ และสนามทดสอบ CAV ” ไปจัดแสดงในงาน “เทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2566 : TechnoMart 2023” ซึ่งกระทรวง อว. จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 -15 สิงหาคม 2566 ที่ อาคาร 12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี