การเรียนภาษาจีนที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นมากกว่าการได้เรียนรู้ด้านภาษา เพราะที่นี่ หลักสูตรการเรียนการสอนเน้นการเรียนรู้ด้านบริหารธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาสามารถเตรียมตัวสู่โอกาสใหม่ทางธุรกิจในตลาดโลกได้ เช่นเดียวกับเหตุผลในการเลือกเรียนของเธอคนนี้ มิ้น – กานติมา รุ่นพี่จากวิทยาลัยนานาชาติจีน เธอบอกว่าอยากเรียนอะไรที่มากกว่าภาษา เรียนแล้วจะต้องเอาไปใช้ได้จริงในอนาคตด้วย
นางสาวกานติมา แสนบริบูรณ์สุข (มิ้น) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยนานาชาติจีน มหาวิทยาลัยรังสิต จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายศิลปศ์ ภาษาจีน จากโรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ กรุงเทพมหานคร และตัดสินใจเลือกศึกษาต่อด้านบริหารธุรกิจที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต
“เรียนภาษาจีนมาช่วง ม.ปลายค่ะ ก็เลยอยากต่อยอด เพราะว่าถ้าเว้นช่วงไปกลัวจะลืมเลือนค่ะ ภาษาถ้าใช้บ่อยๆ ได้ฝึกฝน ก็จะใช้มันได้ออกมาอย่างธรรมชาติค่ะ จึงมองหาหลักสูตรในระดับมหาวิทยาลัยที่ใช้ภาษาจีนในการเรียน และตรงกับคณะที่อยากเรียนด้วย มิ้นอยากเรียนบริหารธุรกิจค่ะ ตอนนั้นโจทย์นี้ค่อนข้างหามหาวิทยาลัยได้ยาก แต่ AI คงได้ยินเสียงเราค่ะ เปิดเฟซบุ๊กมาก็เจอเพจของวิทยาลัยนานาชาติจีน รีบคลิกดูข้อมูล ตรงใจและน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ จึงเริ่มทักเข้าไปพูดคุยสอบถาม ได้ข้อมูลมาเพิ่มด้วยว่ามีโครงการ 1+2+1 ได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่จีนด้วย บอกกับที่บ้านเลยว่าเลือกแล้วค่ะ ไม่ดูที่อื่นแล้วค่ะ ตอนนี้มิ้นเรียนที่นี่มาสามปีแล้วค่ะ เวลาเดินผ่านไปรวดเร็วมาก ความประทับใจตั้งแต่วันแรกๆ ยังจดจำได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้ Nice ไปหมดทุกเรื่องเลยค่ะ บรรยากาศในชั้นเรียนก็อบอุ่น อาจจะต้องกระตือรือร้นมากหน่อย เพราะเราเป็นนักศึกษาไทย เมื่อต้องเรียนรวมกับนักศึกษาจีน และอาจารย์จีน แต่ก็คุ้มค่าค่ะ เพราะถ้าเราไม่กล้าแสดงออก ไม่พูด ไม่ฟัง เราก็จะเก่งช้าลงไปค่ะ ในห้องเรียนจะมีอะไรให้ท้าทายตลอดทั้งเนื้อหา ได้ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อนคนจีน สนุกต่างกันออกไป ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมของกันและกัน ทำงานกลุ่มด้วยกันใช้ภาษาจีนพูดคุยกันสนุกฉ่ำมาก และยังกิจกรรมที่เหล่าซือพาออกไปเยี่ยมชมงาน เรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม ธุรกิจต่างๆ ที่สอดคล้องกับการเรียนดีมากเลย ได้สัมผัสประสบการณ์จริงๆ สนุกมากๆ ค่ะ”
อาชีพในอนาคตที่อยากเป็น คงหนีไม่พ้นอาชีพล่ามแปลภาษา มิ้นชอบด้านการสื่อสาร และคิดว่าตัวเองน่าจะมีศักยภาพด้านนี้อยู่บ้าง
“มุมมองด้านการสื่อสาร มิ้นชอบทุกสกิลค่ะ ฟัง พูด อ่าน เขียน หรือแม้แต่การอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อนๆ หลายคนก็มักจะมาปรึกษา อาจเพราะเห็นเราเป็นคนที่เฟรนด์ลี่ เอาเข้าจริงแล้วไม่ว่าจะในบริบทไหน มิ้นมองว่าเราต้องรู้จักตัวเองก่อนค่ะ ว่าเราชอบอะไร อยากทำอะไร และเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เราก็ต้องมั่นสังเกต และพยายามทำความเข้าใจก่อน แต่ละคนมีอุปนิสัย ทักษะ และประสบการณ์ชีวิตไม่เหมือนกัน เมื่อเราเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ดี รับฟังให้มาก พูดให้น้อย ปรับตัวให้อยู่ได้กับทุกสถานการณ์ เช่น มิ้นต้องอยู่กับเพื่อนๆ พี่คนจีน แรกๆ ก็ยังปรับตัวไม่ได้ค่ะ เราคิดในมุมมองของเรา จึงไม่คิดที่จะปรับตัวเขาหาเขา แต่เมื่อได้ทำความรู้จัก ได้ใช้เวลาศึกษาแต่ละคน ก็รับมือได้ว่าใครมีคาแรกเตอร์อย่างไร และพวกเราก็ใช้เวลาในรั้วมหาวิทยาลัยร่วมกัน ทั้งเรียนและการทำกิจกรรม”