27 ก.ค.62 / กรุงเทพฯ – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยหลังจบงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ 2019 ระบุว่า การจัดงาน Startup Thailand 2019 ประสบความสำเร็จอย่างสูง กับมากมายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดการจัดงาน
• ข่าวดี! ดัชนีความสามารถด้านนวัตกรรมของไทยขยับขึ้นต่อเนื่อง โดยการจัดอันดับความสามารถด้านนวัตกรรมปี 2019 โดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก ระบุว่า ปีนี้ประเทศไทยได้อันดับที่ 43 ขยับขึ้นอีก 1 อันดับจากปี 2018 และไทยก้าวขึ้นอยู่อันดับที่ 4 ของกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางที่มีการพัฒนาความสามารถด้านนวัตกรรมที่ดีที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงการขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรมที่เป็นหนึ่งในกลจักรแห่งการเติบโตภายใต้ Thailand 4.0 นั้นได้มาถูกทางแล้ว
• Taizo Son นักลงทุนระดับโลก ประกาศพร้อมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทย กลางเวทีงาน Startup Thailand 2019 โดยให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการศึกษาแนวใหม่ ผ่าน Vivita ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้แก่เด็กในแนวใหม่ เน้นการใช้เทคโนโลยี การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และปรับปรุงการศึกษาสำหรับเด็ก เป็น Free Space ไม่มีครูผู้สอน ตอกย้ำว่า “ไทย คือเมืองแห่งศูนย์กลางด้านนวัตกรรมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
• กระแสตอบรับอย่างดีกับนวัตกรรมการจัดงาน event exhibition แนวใหม่ จากเหล่าสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการ นักลงทุน นิสิตนักศึกษา และประชาชน ที่เข้าร่วมงานล้นหลามในทั้ง 9 จุดของการจัดงาน นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เราได้ก้าวข้ามมิติการจัดงานแบบเดิมๆ ได้แล้ว โดยไม่จำกัดการจัดงานในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเท่านั้น ตอกย้ำว่า “กรุงเทพฯ คือเมืองที่ดีที่สุดในเอเชียสำหรับสตาร์ทอัพ” และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงประจักษ์ของย่านนวัตกรรมกรุงเทพฯ (Bangkok Innovation Corridor) ที่พร้อมให้สตาร์ทอัพสามารถทำกิจกรรมได้หลายที่ ทั้งกิจกรรม Roadshow Hackathon การจัดประชุมสัมมนา การทำ sand box ฯลฯ โดยใช้เส้นทางรถไฟฟ้ามาทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องได้ภายใน 1 วัน
• ประเทศไทยได้ยกระดับความร่วมมืออาเซียนในการพัฒนาตลาดอาเซียนเพื่อสตาร์ทอัพ ให้พร้อมรับมือความท้าทายโลก ซึ่งได้มีการลงนามปฏิญญาร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศพันธมิตร รวม 13 ประเทศ ภายในงานนี้
• ปิดท้ายด้วยสถิติตัวเลขความสำเร็จกับยอดผู้เข้าชมงานอย่างล้นหลามกว่า 60,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย คาดว่าจะเกิดสตาร์ทอัพใหม่ในวงการ ไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย เกิดนักรบเศรษฐกิจสายพันธุ์ใหม่ในกลุ่มอุดมศึกษา อาชีวะ ไม่น้อยกว่า 60,000 คน มีเงินกองทุนรวมจากนักลงทุนภายในงานไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาทภายในงาน เกิดการรับรู้ของนานาชาติมากกว่า 40 ประเทศ กับสาระความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยหลากหลายด้านกว่า 100 เรื่อง จาก 15 เวที โดยวิทยากรระดับแนวหน้าชื่อดังกว่า 200 คน ใน 20 ประเทศทั่วโลก และยอดผู้ที่เข้ามาชมงานผ่านการถ่ายทอดสดอีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ซึ่งหลังจากจบงานแล้ว ยังสามารถรับชมย้อนหลังได้อีกหลายช่องทาง ทั้งเฟสบุคไลฟ์ เว็บไซต์และ youtube channel
ดร.สุวิทย์ฯ กล่าวถึงก้าวต่อไปของสตาร์ทอัพไทยแลนด์ คือ Deeptech 4 Innovated in Thailand เทคโนโลยีขั้นสูงที่สร้างโดยคนไทยเพื่อคนไทยและคนทั่วโลก