วันนี้ (17 สิงหาคม 2563) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติเป็นประธาน เปิดการประชุมวิชาการสุขภาพจิต ชีวิตวิถีใหม่ “MCATT: New normal ERA” เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์การดำเนินงานช่วยเหลือเยียวยาจิตใจของทีมปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต เพื่อเตรียมความพร้อมระบบบริการวิกฤตสุขภาพจิต ในการรองรับวิกฤตสุขภาพจิต รวมถึงการแพร่ระบาดซ้ำของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่สามารถเกิดการแพร่ระบาดใหม่อีกครั้งในอนาคตได้
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จังหวัดระยองเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาวิกฤตจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งกรมสุขภาพจิตได้ส่งทีม MCATT ลงพื้นที่มาดูแลตั้งแต่วันแรก เพื่อคัดกรอง ประเมินความเสี่ยง พบว่า จากเหตุการณ์ทหารต่างชาติเข้ามาในประเทศและไม่กักตัว ทำให้ชาวระยองมีตัวเลขความเครียดสูงถึงร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบแล้วเท่ากับความเครียดของประเทศไทยทั้งประเทศตอนเจอสถานการณ์วิกฤตโควิดช่วงแรก กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขจึงใช้โอกาสวิกฤตนี้จัดสัมมนาวิชาการ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ ลดความเครียดลง ไม่ให้มีความเครียดสะสม
อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโรคในประเทศไทยคลี่คลายลง แต่คนไทยที่ร่วมกันต่อสู้กับภาวะวิกฤตการระบาดของโรคที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เกิดผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เกิดความกดดัน ความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะหมดไฟ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่คลื่นลูกที่ 4 ภายใต้“แนวทางการฟื้นฟูจิตใจในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (Combat 4th Wave of COVID-19: C4)” โดยมุ่งเน้นให้ประชาชน ครอบครัว และชุมชน ปลอดภัยจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตในสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้ และมีความเข้มแข็งทางจิตใจที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง สามารถปรับตัวเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)
ทั้งนี้ทีม MCATT จะมีการลงพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อไปคัดกรองและให้คำปรึกษากับประชาชน ให้เข้าถึงการบริการของกรมสุขภาพจิตในทุกมิติ ถือเป็นภารกิจสำคัญของทีม MCATT ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าการลงพื้นที่ทำงานของทีม MCATT จะช่วยลดอัตราการฆ่าตัวตายได้ หากผู้ป่วยที่มีความเครียดสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ในระยะแรกที่มีอาการ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าถ้าเราทำงานได้ทันสถานการณ์ นอกจากจะช่วยลดความเครียดของผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงได้ ยังสามารถยับยั้งตัวเลขการฆ่าตัวตายให้ลดลงได้เช่นกัน
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า วิกฤตการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนไทยในด้านต่างๆ รวมทั้งด้านสุขภาพจิต ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ประกาศนโยบายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกรมสุขภาพจิต และกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการดูแลเยียวยาจิตใจของประชาชน ภายใต้ “แผนฟื้นฟูจิตใจในสถานการณ์การระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดผลกระทบด้านสุขภาพจิตจากทุกภาคส่วน เน้นการดำเนินงานมาตรการเชิงรุกในการให้ความสำคัญกับการดูแลด้านจิตใจและสังคมของประชาชนทั้งในระดับบุคคล ครอบครัวชุมชน สำหรับดำเนินการครอบคลุมทั้งมิติส่งเสริม ป้องกัน บำบัดรักษาและฟื้นฟูจิตใจในประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และสมาชิกในครอบครัว ผู้ถูกกักตัว (Quarantine) ผู้เปราะบางทางสังคม บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอีกด้วย
ซึ่งกรมสุขภาพจิตได้ดำเนินพัฒนาระบบงานวิกฤตสุขภาพจิตระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง มีภารกิจเป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ในการสนับสนุน ช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูด้านจิตใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่างๆระดับประเทศ และการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตใน 4 ประเด็น ได้แก่ ภาวะเครียด (Stress) ภาวะเหนื่อยล้าหมดไฟ (Burnout) การฆ่าตัวตาย (Suicide) และโรคซึมเศร้า (Depression) และการรณรงค์/ประชาสัมพันธ์เชิงรุกในระดับหมู่บ้าน/ชุมชน ผ่านหอกระจายข่าวและช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ตลอดจนการสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน ซึ่งได้มีการจัดทีม MCATT ในหน่วยบริการทุกระดับทั่วทุกจังหวัด ทุกอำเภอเพื่อเชื่อมโยงไปกับการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ในการปรับตัวกับผลกระทบเพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤต ดังนั้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และเป็นการเตรียมความพร้อมระบบบริการวิกฤตสุขภาพจิต เพื่อรองรับวิกฤตสุขภาพจิตจากการแพร่ระบาดซ้ำของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อีกครั้ง อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยกรมสุขภาพจิตจึงได้จัดประชุมวิชาการสุขภาพจิต ชีวิตวิถีใหม่ “MCATT: New normal ERA” ขึ้น โดยมี ทีม MCATT ทั่วประเทศ จากทั้งในและนอกสังกัดกรมสุขภาพจิต เข้าร่วมประชุม onsite ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สวีต ซิตี้ เซ็นเตอร์ จังหวัดระยอง จำนวน 250 คน การประชุมประกอบด้วยการบรรยายพิเศษ การอภิปราย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการจัดนิทรรศการ โดยได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมประชุม online ทั่วประเทศ หรือช่องทาง Facebook Live : @MHSO.DMH และ YouTube ช่อง : MHSODMH ในระหว่างวันที่ 17-18 สิงหาคม 2563 ได้อีกด้วย