“สถาปนิกต่อให้ไปทำธุรกิจอื่นควบคู่ไปด้วย ก็ทิ้งงานออกแบบไม่ได้อยู่ดี เพราะนั่นคืออาชีพหลักที่ทำแล้วมีความสุข” เจ้าของวลีนี้คือ คุณอรรถ สุรชาติ ชาววัง ศิษย์เก่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต รุ่นที่ 9 เจ้าของโรงแรมเดอลีท หรือ de Lit Hotel จังหวัดอุบลราชธานี และบริษัทออกแบบ APTS Studio เป็นศิษย์เก่าอีกท่านหนึ่งที่มีมุมมองในแบบในการสร้างโอกาส สร้างความสุข ที่เริ่มต้นจากตัวเอง ทุกช่วงเวลาของการเรียน การทำงาน คือ ประสบการณ์ที่นำมาสานต่อ ต่อยอด ไปกับสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเองได้
คุณอรรถจบมัธยมฯ ต้น จากโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดอุบลราชธานี และไปเรียนสายวิชาชีพ ปวช. ด้านไฟฟ้า จากคำแนะนำของครอบครัวเพราะคิดว่าน่าจะหางานง่าย เมื่อต้องเรียนต่อ ปวส. เริ่มรู้สึกตัวว่าเรียนไฟฟ้าไม่น่าจะใช่ตัวเรา เริ่มทบทวนกับตัวเองว่าตัวเองชอบขีด ๆ เขียน ๆ ขอบวาดรูป และตลอด 3 ปีที่เรียนด้านไฟฟ้ามามีเนื้อหาการเรียนอย่างตัวเลข วิชาคำนวณที่ไม่ถนัดสักเท่าไรจึงตัดสินใจว่าหากเรียนต่อ ปวส. จะเลือกเรียนทางด้านสถาปัตย์ หรือ ศิลปกรรม ตามเทรนด์แนวละครในยุคนั้นที่คาแรกเตอร์เด็กแนวอาร์ตมาแรง ทำให้าเริ่มอยากเรียน อยากทำงานด้านนี้
“ความที่เรารู้ศักยภาพตัวเอง เอนทรานซ์ไม่น่าจะติดอยู่แล้ว เลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิตเลยแล้วกัน” จุดเปลี่ยนตรงนี้ที่ตัดสินใจจากการเป็นเด็กไฟฟ้ามาสู่แนวสถาปัตย์ เหตุผลที่ไม่เลือกศิลปกรรมเพราะสมัย 20 ปีที่แล้ว ตามความคิดอาจะยังไม่เข้าใจว่าเรียนแล้วจะทำงานอะไร เลยคิดว่าเลือกสถาปัตย์น่าจะมีงานทำแน่นอน การเบนเข็มข้ามศาสตร์ของคุณอรรถเริ่มตันนับศูนย์เพราะไม่มีความรู้พื้นฐานทางด้านสถาปัตย์เลยเข้าใจเพียงแค่ว่าเรียนเกี่ยวกับการออกแบบ
วันแรกของการสัมภาษณ์เพื่อเข้าเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต อาจารย์ท่านหนึ่งตั้งคำถามว่า อพาร์ทเมท์ กับ คอนโดมีเนียม ต่างกันอย่างไร? แน่นอนคุณอรรถไม่มีคำตอบให้อาจารย์เพราะไม่รู้ แต่จากประโยคคำถามนั้นกลับสร้างความมหัศจรรย์ตรงที่ว่า ในคำถามมีความน่าสนใจมาก ทำให้อยากรู้อยากหาความแตกต่างของคำถามนั้น อยากค้นหาว่ามันมีรายละเอียดอย่างไร ตรงนี้จึงเป็นตัวทำเกิดความมุ่งมั่นและตั้งใจที่อยากเรียนจริง ๆ ยอมย้ายจากจังหวัดอุบราชธานีมาเรียนที่ปทุมธานี และวันที่มาเรียนสถาปัตย์จริงจัง คุณอรรถให้นิยาม“ความสนุกเต็มร้อยมากที่ถาปัตย์รังสิต” เพราะบรรยากาศการเรียนเหมือนทำงานจริง รูปแบบการเรียนในยุคนั้นเป็นแบบสตูดิโอ (Studio) เป็นการเรียนปนการทำงานเป็นกลุ่ม ทำงานร่วมกันกับคนเยอะ ๆ มีความหลากหลายของไลฟสไตล์และวิชาของคณะทางด้านสถาปัตย์ สนุกกับเพื่อน สนุกกับงานที่ทำมาก ส่วนวิชาอื่น ๆ ที่ไม่ถนัดและยังต้องพบเจออย่างคณิตศาสตร์ก็มีอยู่แต่สนุกไม่เหมือนวิชาคณะ
วิชาเขียนแบบ วิชาออกแบบ วิชาวิชลสเก็ต หลากหลายเนื้อหาที่ไม่เคยเรียนมาก่อน นอกจากความสนุกมันคือความท้าทาย เรียนวิชาวิชวลอาร์ตได้เกรด A คือ แฮปปี้มาก เพราะจบช่างไฟมาแต่สามารถเรียนได้ทำรู้สึกภูมิใจว่าทำได้ ขณะที่อีกหลายตัวถ้าเปิดเกรดเฉลี่ยรวมดูมีทุกเกรด A B C D E F แต่มันคือความสนุกสนานร่วมกับเพื่อนระหว่างเรียน สิ่งหนึ่งที่มีความชัดเจนของการเรียนสถาปัตย์จากปี 1 ถึงปี 5 คือการมีซีเควนของชุดความรู้ที่ไต่ระดับขึ้นมา ทำให้ค่อย ๆ เรียนรู้และได้ประสบการณ์ตั้งแต่วิชาพื้นฐานอย่างง่ายไปจนถึงวิชาทีสิสที่รวมทุกอย่างไว้ในโปรเจ็กต์ เรียกว่ามีแต่ควาสนุก ไม่รู้สึกยากเลย เพื่อน รุ่นพี่ แม้จะต่างที่มากันแต่ช่วยเหลือกันดีมาก ส่วนอาจารย์เวลาที่มีการเรียน มีการส่งงาน ตรวจแบบ ไม่รู้สึกถึงความกดดัน หรือตื่นกลัวกับอาจารย์เลย มีความเป็นกันเองมากเช่นกัน
ตลอด 5 ปี ความสุขในรั้วมหาวิทยาลัยผ่านไปไวมาก เมื่อจบแล้วสิ่งแรกที่ทำในชีวิต คือ การทำงานหาเงินด้วยตัวเอง เริ่มทำงานแรกในบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ต่อมาทำบริษัทสตูดิโอออกแบบในกรุงเทพ ซึ่งแต่ละที่ที่ได้ไปทำงานทำให้ได้รับประสบการณ์แตกต่างกันไปบางที่อาจทำงานแค่พาร์ทเดียวคือเขียนแบบ บางที่ต้องทำเองทั้งหมดตั้งแต่คุยกับลูกค้า เขียนแบบ นำเสนอ คุมงาน ดูแลงบประมาณ ทำทุกขั้นตอนด้วยตัวเองและสามารถรับงานโปรเจ็กต์ใหญ่ ๆ กว่า 5 ปี จนมาถึงจุดเปลี่ยนที่ต้องกลับมาดูแลครอบครัวที่จังหวัดอุบลราชธานี บวกกับจังหวะของชีวิตหลายอย่างที่ลงตัวของชีวิต จึงตัดสินใจกลับมาทำโรงแรมที่บ้านจังหวัดอุบราชธานี การตัดสินใจเป็นเรื่องที่ดี แต่พื้นฐานการทำโรงแรมไม่มี งานบริหารงาน การบริหารบุคคล การเงิน การตลาด เรียกว่าไม่มีความรู้ มีเพียงแค่พื้นฐานการออกแบบที่พัก และอยากสร้างโรงแรมที่คนเห็นแล้ว WOW โรงแรมที่ไม่เหมือน Standard Hotel ทั่วไป หรือ Luxury Hotel
โรงแรมเดอลีท หรือ de Lit Hotel ที่เปิดให้บริการมากว่า 8 ปี พี่อรรถเริ่มต้นออกแบบโรงแรมที่มีบรรยากาศ ห้องพัก และสภาพแวดล้อมโดยรวมที่ WOW จริง ๆ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่พักที่ตอบโจทย์นักเดินทางทุกกลุ่มทุกวัยที่มองหาสถานที่พักผ่อนช่วงเวลาวันหยุด ด้วยการต้อนรับและการบริการที่อบอุ่นแบบครอบครัว ประกอบกับการออกแบบโรงแรมที่มีความโดดเด่นโทนสีฟ้าขาวสดใส บรรยากาศเหมือนรีสอร์ทริมทะเล ที่มีความว้าวแปลกตาจากที่พักอื่นๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี มีห้องพัก 4 รูปแบบ 4 สไตล์ Standard King room, Deluxe King room, Standard pool access และ Deluxe pool access สามารถเดินลงสระจากห้องพักได้เลย ห้องพักมีการตกแต่งสวยมีสไตล์พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ส่วนเรื่องการทำการตลาดของคุณอรรถมีคอนเซ็ปต์แบบง่าย ๆ “เมื่อกระแสโซเชียลมีเดียมาแรง จึงอาศัยว่าใครมาพักแล้วถ่ายรูปลงโซเชียล เชื่อว่าคงมีคนตามมาพักเอง จนปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนั้นเรื่อยมา กลายเป็นคนติดตามจากโซเชียล” จากช่วงแรก ๆ ที่เริ่มลงมือทำบริหารเองทุกอย่าง เป็นตั้งแต่พ่อครัว แคชเชียร์ และคนทำห้องพักเอง ทำให้เริ่มเรียนรู้ที่จะต้องปรับตัวให้ตัวเรามาอยู่ในฐานะผู้ดูแล ไม่ต้องลงมาทำเองทุกอย่าง คุณอรรถเริ่มต้นความท้าท้ายในการบริหารจัดการทีละเรื่อง อาทิ การหาผู้จัดการโรงแรม การเรียนรู้การจัดการสังคม จัดการคน การเจอกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เพื่อให้ผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ จนโรงแรมสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง
วันนี้ความสำเร็จในฐานะ “สถาปนิก” ของคุณอรรถเรียกว่าผ่านมาประสบการณ์มามากพอสมควร สายงานอาชีพออกแบบได้ลงมือทำทุกโครงการ ทุกโปรเจ็กต์ ที่มีความหลากหลาย มีความคุ้มค่าจากสิ่งที่เรียนมาและไม่เสียดายที่เลือกเรียนสถาปัตย์ ส่วนในพาร์ทของการทำธุรกิจโรงแรมยังคงต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ เนื่องจากด้วยความที่ไม่ใช่นักบริหาร นักการตลาด หรือนักการเงินที่ดีนัก แต่คุณอรรถพยายามทำให้ดีที่สุด และมีสูตรเพียงแค่ว่า ตั้งเป้าหมาย ประเมินภาพรวมจากผลประกอบการในการดำเนินธุรกิจ อะไรที่เป็นปัญหาก็หยิบเอาปัญหานั้นมาแก้ทันที แก้ได้ก็แก้ หากแก้ไม่ได้พิจารณาตัดปัญหานั้นออกไป และทำหน้าที่ในด้านอื่นให้ดีที่สุดต่อไป
สำหรับคุณอรรถมองว่า การตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้ และไม่ผิดที่จะทำได้หรือไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ หากทุกคนรู้จักตัวเอง รู้สมรรถนะของตัวเองว่าเรามีศักยภาพแค่ไหน? ถ้าเราอยากเป็นสถาปนิก ถ้าเราอยากเป็นนักร้อง อยากเป็นโปรดิเซอร์ …เราแค่คิดว่าเราจะไปยืนจุดนั้นได้อย่างไร หรือมีแรงขับอะไรบ้าง เช่น อยากเป็นสิ่งเหล่านั้นเพราะความเท่ เพราะอยากมีเงิน เพราะอยากมีชื่อเสียง หรืออะไรก็ตาม ดังนั้นเป็นอะไรก็เป็นได้ถ้าเรามีศักยภาพมากพอที่จะพยายามเป็นสิ่งนั้นให้ได้ สำหรับพี่อรรถแม้เป้าหมายที่เคยตั้งไว้ว่า อยากเป็นสถาปนิกที่โด่งดัง แต่ด้วยความไม่ใช่ตัวตน เป้าหมายวันนั้นจึงไม่ตอบโจทย์
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นที่แรกที่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนวิธีคิด สอนให้มีเหตุและผล ออกแบบแล้วได้อะไร? ไม่ใช่แค่เรียน หรือสเก็ตซ์งาน ทุกช่วงเวลาของการเรียนคือการคิด คิดทุกอย่าง และมีสกิลของความอดทนต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อคนอื่น และสังคม และทำให้คุณอรรถเลือกเป็นสถาปนิกที่ชอบออกแบบและบริหารโครงการได้ อย่างน้อยสามารถค้นพบสไตล์ของตัวเอง “เป็นสถาปนิกในแบบที่อยากเป็น” เรียนสถาปัตย์มีงานทำ 100% อยู่ที่ความสามารถ และการมี Mind Set ที่ดี