สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ผนึก มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน สร้างเสริมภูมิคุ้มกันเด็กไทยห่างไกลโรคไอพีดีเดินหน้าผสานความร่วมมือโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคไอพีดี หรือโรค ติดเชื้อนิวโมคอคคัส เพื่อเด็กกลุ่มเสี่ยง ปีที่ 4

สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน เดินหน้าสานต่อความร่วมมือโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรค (IPD) หรือโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส เพื่อเด็ก กลุ่มเสี่ยง ปีที่ 4 รณรงค์ให้ความรู้เสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไอพีดี (IPD) พร้อมเรียนรู้การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคอย่างถูกวิธี

รองศาสตราจารย์ (พิเศษ) นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์
นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย

รองศาสตราจารย์ (พิเศษ) นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “จากสถิติขององค์การอนามัยโลกพบว่า การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ถึง 2 – 3 ล้านคนต่อปี1 ซึ่งในปัจจุบันยังพบว่าเด็กทั่วโลกจำนวนถึง 19.4 ล้านคน ยังไม่สามารถเข้าถึงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนได้ตามที่ควร2 ซึ่งหากมีการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ด้วยวัคซีนเพิ่มขึ้นอาจสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้อีก 1.5 ล้านคน3 โดยการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีน ได้รับการยอมรับให้เป็นเครื่องมือที่ช่วยลดอัตราการเกิดโรคในเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นลดการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก, โรคคอตีบ, ไอกรน, บาดทะยัก, หัด, โรคหัดเยอรมัน, โรคคางทูม, โรคไวรัสตับอักเสบเอ, โรคไวรัสตับอักเสบบี, โรคโปลิโอ, โรคอุจจาระร่วง รวมถึงโรคไอพีดี ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่รุนแรงทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และปอดอักเสบ โดยสามารถแพร่กระจายด้วยการไอจาม”
“ปัจจุบันโรคไอพีดีถือได้ว่าเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลก โดยจากสถิติขององค์การอนามัยโลกพบว่า เป็นโรคที่มีอุบัติการณ์สูงในเด็กเล็กและในเด็กกลุ่มเสี่ยง มีโอกาสที่จะติดเชื้อนิวโมคอคคัส และเป็นโรคไอพีดีสูงกว่าเด็กปกติได้ถึง 26 เท่า4 โรคไอพีดีเป็นโรคที่มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง โดยเฉพาะหากเชื้อขึ้นไปที่สมอง จะทำให้เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบและมีโอกาสเสียชีวิตได้ถึง 50% และถึงแม้จะรอดชีวิตแต่ก็มีความเสี่ยงที่จะพิการได้มากกว่า 605 โรคไอพีดีจึงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กวัย 5 ขวบปีแรกของโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน6 ซึ่งเด็กที่เป็นโรคไอพีดีควรได้รับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อลดภาวะแทรกซ้อน โดยทั่วไปแล้วเด็กที่ป่วยเป็นโรคไอพีดีต้องนอนรักษาตัวในรพ.
นานกว่า 12 วัน7 บางรายต้องนอนในห้อง ICU จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลค่อนข้างสูง มากกว่า 50,000 บาทต่อครั้งแม้รักษาในรพ.รัฐบาล8 และหากคนไข้ติดเชื้อสายพันธุ์ที่รักษายากหรือเชื้อดื้อยา ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งสูงขึ้น และจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวะนะที่รุนแรงขึ้น ซึ่งมีโอกาสเพิ่มปัญหาเชื้อดื้อยาในสังคม ดังนั้น การสร้างความตระหนัก เสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในเรื่องโรคและการป้องกัน จึงเป็นสิ่งที่สมาชิก ทุกคนในครอบครัวและสังคมควรให้ความสำคัญ”

นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์
ประธานกรรมการมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชนและอดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค

ด้าน นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชนและอดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า “มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน ในฐานะที่เป็นหน่วยงาน องค์กรกลางที่ส่งเสริมความร่วมมือด้านวัคซีนระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และนักวิชาการ ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน หรือวัคซีนเป็นลำดับต้นๆ เนื่องจากเป็นจุดมุ่งหมายหลักของมูลนิธิฯ ในการเพิ่มช่องทางการให้ความรู้และการเข้าถึงวัคซีนให้แก่ประชาชน พร้อมผลักดันให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเล็งเห็นความสำคัญของวัคซีนที่มีต่อคุณภาพชีวิตของคนไทย ซึ่งวัคซีนยังนับเป็นเครื่องมือสำคัญในการดูแลสุขภาพ และเป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดในการป้องกันโรค โดยเฉพาะในวัยเด็กซึ่งเป็นวัยที่ภูมิคุ้มกันยังทำงานไม่สมบูรณ์ และมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อจากโรคต่างๆ จึงจำเป็นต้องได้รับวัคซีนเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ต่อเนื่องไปจนโต นอกจากนี้ วัคซีนยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศ สามารถป้องกันโรคติดเชื้อไม่ให้ระบาดในชุมชน และช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิผล จึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้”

“โดยในปีนี้มูลนิธิฯ ยังคงเดินหน้าสานต่อความร่วมมือกับสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ในโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคไอพีดีเพื่อเด็กกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อรณรงค์ส่งเสริมและให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรค รวมถึงลดการเสียชีวิตจากโรค และเพื่อเป็นตัวกลางในการส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลที่เด็กกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไอพีดียังไม่สามารถเข้าถึงการป้องกันโรคนี้ได้ ซึ่งภายในปีนี้มูลนิธิฯ ยังคงรับหน้าที่ในการเป็นสื่อกลางในการส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศที่เด็กกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไอพีดียังไม่สามารถเข้าถึงการป้องกันโรคนี้ได้ เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพเด็กเล็กให้ดียิ่งขึ้น และสอดคล้องกับแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตในสังคมไทย โดยในปีนี้มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน และสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ได้ส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคไอพีดีเพื่อเด็กกลุ่มเสี่ยงจำนวน 5,000 โด๊ส ให้แก่โรงพยาบาลหลายแห่ง รวมถึงกรุงเทพมหานคร ซึ่งโดยในปีนี้โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครได้รับวัคซีนในการบริจาค 2 แห่งด้วยกัน คือ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ และโรงพยาบาลกลาง”

ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์
ประธานคณะกรรมการสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร

ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ประธานคณะกรรมการสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า “ในอดีตกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินโครงการนำร่องจัดทำโครงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคไอพีดี หรือ โรคปอดอักเสบในเด็กกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้ ในกรุงเทพมหานครได้ดำเนินหลายโครงการเพื่อดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง และยังคงมุ่งขยายผลการป้องกันในโรคสำคัญต่างๆ ในอนาคตเพื่อลดภาระการดูแลรักษา รวมถึง โรคไอพีดีในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อไป ทั้งนี้ เชื่อว่าการป้องกันโรคด้วยวัคซีนนอกจากเป็นการลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชาชนแล้ววัคซีนยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดปัญหาเชื้อดื้อยา (Antimicrobial Resistance หรือ AMR) ให้ประเทศไทยได้อีกด้วย”

เอกสารอ้างอิง

  1. World Health Organization (Immunization coverage) at
    http://www.who.int/mediacentre/factsheets/fs378/en/
  2. World Health Organization (World Immunization Week 2017) at
    www.who.int/campaigns/immunization-week/2017/event/en/
  3. World Health Organization (Immunization coverage) at
    http://www.who.int/mediacentre/factsheets/fs378/en/
  4. Pelton et al. Clin Infect Dis. 2014 Sep 1;59(5):615-23.
  5. World Health Organization. Pneumococcal vaccines WHO position paper—2019. WEEKLY EPIDEMIOLOGICAL RECORD, No 8, 2019, 94, 85–104
    https://www.who.int/wer/2019/wer9408/en/
  6. World Health Organization. Global immunization data[Internet]. 2014[cited 2019 Mar 20]; [about 4 p.]. Available from: http://www.who.int/immunization/monitoring_surveillance/global_immunization_data.pdf
  7. Baldo V, Cocchio S, Lazzari R. Estimated hospitalization rate for diseases attributable to Streptococcus pneumoniae in the Veneto region of north-east Italy. Prev Med Rep. 2015;2:27–31.
  8. Dilokthornsakul P, Kengkla K, Saokaew S, et al. An updated cost-effectiveness analysis of pneumococcal conjugate vaccine among children in Thailand. Vaccine. 2019;37:4551-4560.

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published.