วันนี้(9 เม.ย.) ที่ห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมรณรงค์ “สงกราต์ปลอดภัย ดื่มแล้วขับกลับบ้านเก่า ดื่มไม่ขับกลับบ้านเรา” พร้อมปล่อยขบวนสามล้อแต่งผีเมาแล้วขับ ออกรณรงค์ลดอุบัติเหตุและเชิญชวนประชาชนเคร่งครัดชีวิตวิถีใหม่ลดเสี่ยงโควิด-19 ช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) กล่าวว่า ปีที่แล้วรัฐบาลเลื่อนเทศกาลสงกรานต์ออกไปเพราะการระบาดของโควิด19 ทำให้อุบัติเหตุทางถนนลดลงจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) พบว่า วันที่ 10-16เม.ย.63 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 1,307ครั้ง ผู้บาดเจ็บ1,260 ราย เสียชีวิต167 ราย แต่เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562พบว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นถึง 3,338 ครั้ง ถือว่าลดลงถึง 2,031 ครั้งคิดเป็นร้อยละ 60.84 ส่วนยอดผู้บาดเจ็บ 3,442 ราย ลดลง 2,182 ราย คิดเป็นร้อยละ 63.39 เสียชีวิต386 ราย ลดลงก็ลดลง 219 ราย หรือร้อยละ 56.74 อย่างไรก็ตามในปี 63 ถึงการเกิดอุบัติเหตุจะลดลง แต่เมื่อพิจารณาในแต่จำนวนเคสที่เกิดขึ้นก็พบว่ามาจาก สาเหตุการดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่สวมหมวกนิรภัย
“ตัวเลขล่าสุดจากมูลนิธิเมาไม่ขับเมื่อวันที่7 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีคนเสียชีวิตบนท้องถนน 49 ราย นับจากต้นเดือนเม.ย.เสียชีวิต 279 ราย ส่วนยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 4,265 ราย ดังนั้นเรื่องนี้ รัฐต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ทั้งกฎหมายจราจร และกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม ไม่ขับรถเร็ว เคารพกฎจราจร ร้านค้าต้องไม่ขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามดื่มบนรถขณะอยู่บนทางโดยเฉพาะสงกรานต์ปีนี้ที่เกิดการระบาดของโรคโควิด19 ขึ้น ที่มีต้นตอการระบาดมาจากสถานบันเทิง ที่พบพฤติกรรมว่ามีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้ชิดกัน ไม่สวมหน้ากาก ไม่รักษาระยะห่าง ระมัดระวังตัวเองน้อยลง ดังนั้นสงกรานต์นี้ ขอให้มีสติและระมัดระวังในการใช้ชีวิตให้มาก เคารพกฎจราจร ไม่ขับรถเร็ว งดดื่มงดปาร์ตี้ เราก็จะได้ฉลองเทศกาลกับครอบครัวอย่างมีความสุข ปลอดภัยจากโควิด” ภก.สงกรานต์ กล่าว
พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด กล่าวว่า ในช่วงสงกรานต์จะมีการเฝ้าระวังและคุมเข้มเพื่อลดการบาดเจ็บ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ควบคู่กับมาตรการควบคุมป้องกันโรค หลักคือ 1.เมาไม่ขับ เพราะการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบติเหตุ 2. ควบคุมความเร็ว และ3.การฝ่าฝืนกฎหมายจรจร ทั้งการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ยานพาหนะที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรง การห้ามนั่งกระบะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตเป็นหมู่คณะ ทั้งนี้ในส่วนของการการตั้งด่านตรวจนั้นมีการขออนุญาต และจัดตั้งตามจุดที่กำหนด
“สิ่งสำคัญปีนี้มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำอย่างรัดกุมเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะไม่มีการแพร่เชื้อ โดยมีมาตรการเว้นระยะห่าง มีเจลแอลกอฮอล์ อย่างการเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์นั้นจะเป็นเครื่องมือแบบใช้แล้วทิ้ง บรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ปิดสนิทให้ประชาชนล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ แล้วหยิบเอง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เทศกาลสงกรานต์ปีนี้อยู่ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด หากประชาชนเลี่ยงการเดินทางได้ก็ขอให้เลี่ยง โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอาจจะใช้การรดน้ำดำหัว อวยพรท่านผ่านทางโทรศัพท์หรือไลน์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ท่าน เพราะผู้สูงอายุหากติดเชื้อ ก็จะเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงได้ ส่วนการทำบุญต่างๆ อาจจะใช้การสรงน้ำพระที่บ้าน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องเดินทาง ก็ต้องขอย้ำว่าดื่มไม่ขับ ไม่ขับรถเร็ว และปฏิบัติตามกฎจราจร” พ.ต.อ.พงศ์จักร กล่าว
ด้าน นายปฐวี กนิษฐายน เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กทม. กล่าวว่า ปกติตนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉพาะช่วงเทศกาล หรือมีวาระพิเศษอื่นๆ เท่านั้น ไม่ได้ดื่มประจำ แต่ช่วงสงกรานต์ปี 2555 ซึ่งขณะนั้นตนอายุเพียง19 ปี ก็ได้ดื่มกับเพื่อนๆ ตามปกติของวัยรุ่น จากนั้นได้นั่งซ้อนจักรยานยนต์ออกไปข้างนอก แต่เนื่องจากช่วงเทศกาล คนออกจากต่างจังหวัดทำให้ถนนโล่ง จึงขับมาด้วยความเร็ว บวกกับดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มา พอถึงบริเวณกองพลทหารราบ รถเสียหลักไถลไปกับถนน เพื่อนกระเด็นไปอีกทาง ส่วนตนกระเด็นไปอีกทาง หลังกระแทกกับฟุตบาททำให้ชา ไม่รู้สึกตัว หลังรักษาก็พบว่าเส้นประสาทบอบช้ำ และเป็นเหตุให้เดินไม่ได้ ปัจจุบันต้องนั่งอยู่บนรถเข็นใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ดังนั้นสงกรานต์ปีนี้จึงอยากเตือนทุกคนว่าหากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ควรขับรถ แม้ดื่มเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง หากเกิดอุบัติเหตุมาได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าเป็นไปได้ไม่ดื่มจะดีกว่า ยิ่งตอนนี้โรคโควิดระบาดด้วยเห็นข่าวการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากสถานบันเทิงผับบาร์ ยิ่งน่าเป็นห่วง ห่างไกลสถานที่เหล่านั้นคงจะปลอดภัยกว่า